ผม(พิธา)กลับมาแล้ว
“ผมกลับมาแล้ว” ยังมาในทรง “พระเอก” ในท้องเรื่อง ที่สร้างกระแสฟีเวอร์เป็นอีกช็อตกับการประกาศกลางสภา เดินหน้าการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ของ “พิธา”ที่เพียงแค่ วันที่ 2 ของสามารถยึดกุมสภาพ “พื้นที่ข่าว” ติดหน้าฟีด ทั้งสื่อหลักสื่อโซเชียลได้มากกว่าผู้คนในรัฐบาล
แม้กระทั่ง “นายกฯเศรษฐา” ที่คืนวาน (25ม.ค.) ควง “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยดินเนอร์ กับ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่ร้าน “ครัวตานิด” ย่านปทุมธานีก็ยังไม่ได้รับความสนใจแรงเท่ากับ แอ๊คชั่นต่อเนื่องของ “พิธา” ที่ไม่แต่การประกาศไว้เมื่อวานว่าจะตรวจสอบ 3 นโยบายเรือธงของรัฐบาล ทั้ง ดิจิทัลวอเล็ต ,แลนด์บริดจ์ และ ซอฟต์พาวเวอร์ วันนี้ ยังประกาศเตรียมยื่น “ซักฟอกรัฐบาล”
โดยระหว่างประเดิมการอภิปรายครั้งแรก ปมปัญหาขยะ ถือโอกาส จั่วนำ ให้เป็น “มีม” ว่า”ผมกลับมาแล้วครับท่านประธาน” และฉายภาพที่ “รัฐบาลเศรษฐา” จะต้องเจอภายหลังจากที่ “พิธา” กลับมาด้วยว่าในทุกสัปดาห์ จะมี กมธ.เก็บข้อมูล ลงพื้นที่รับฟังประชาชน เรียงข้อมูลให้เห็น ว่าภาพที่รัฐบาลทำมีอะไรบ้างมีอะไรบ้างที่ควรต้องปรับปรุง ตามกลไกของรัฐสภา ตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไป น่าจะพอเห็นภาพ โดย “ซักฟอกรัฐบาล”เน้นไปที่ 3 หัวข้อใหญ่คือ 1.ความล้มเหลวในการบริหาร 2.การประพฤติมิชอบ คอรัปชั่นและ3.การทำงานช้า น้อย หรือสายเกินไป ไม่ตรงกับความท้าทายของศักยภาพประเทศตอนนี้อาจยังไม่พูด แต่ทีมงานหลังบ้านกำลังทำข้อมูลเพิ่มขึ้นทุกอาทิตย์ กมธ. สามารถเรียกข้อมูลเพิ่มเติมได้ “สัญญากับพี่น้องประชาชน ว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง ส่วนการซักฟอกจะมีเรื่อง “ทักษิณ” หรือไม่นั้นยังมีหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมต้องรอดูสถานการณ์ไหนที่จะมาเรียงลำดับความสำคัญ
ส่วน เสียงวิจารณ์การทำหน้าที่ของก้าวไกลอ่อนแอลง โดยเฉพาะกรณี “ทักษิณ”ยืนยันไม่เป็นความจริง ก้าวไกล ยังคงทำงานอย่างตรงไปตรงมา และ “ชัยธวัช” ผู้นำฝ่ายค้านก็ได้มีการตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ ไปแล้ว และพรรคก้าวไกล ได้มองเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาของระบบที่ควรจะมีความเสมอภาคกันของผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง และหลายคนต้องลี้ภัยในทางประเทศไม่ได้มองเป็นตัวบุคคลใด หรือบุคคลหนึ่ง เป็นสาเหตุที่พรรคฯ ได้เสนอ “ร่างพรบ.นิรโทษกรรม”เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน และไม่ให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐของอภิสิทธิ์ชน พร้อมยอมรับว่า “ทักษิณ” ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองด้วยความ 2 มาตรฐาน แต่ไม่ได้หมายความว่า 2 มาตรฐานที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะไปสามารถลบล้าง 2 มาตรฐานในอดีตได้ และไม่ควรเกิดขึ้น โดยควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน
กระนั้นการกลับมาของ “พิธา” ที่นอกจากจะถูกจับตาเชิงวิคราะห์ไปบรรเทากระแส อาการ “รัฐบาล” ที่กำลังโดนรุมจาก ปัญหาการบริหาร การขับเคลื่อนนโยบายเรือธง ที่ถูกคัดค้านต่อต้าน จาก “ฝ่ายข้าราชการ” และประเด็น “คนชั้น14” ที่ถูก “ฝ่ายอนุรักษ์” โจทย์เก่าออกมา “บิ๊วกระแส” เคลื่อนไหวต่อเนื่อง จนชงไปสู่การให้ “สว.” ยื่นซักฟอกตาม ม.153ที่ถูกประเมินว่าเป็น “สัญญานเตือน” จาก “ฝ่ายอำนาจนอกสภา”
กระทั่งถูกเชื่อมโยงไปถึงข่าวปรับครม. เปลี่ยนตัวนายกฯในขณะอีกด้าน การเทคแอ๊คชั่นทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลของ “พิธา” ที่ประกาศจับผิดรัฐบาลทุกมิติ รวมถึงจ่อยื่นซักฟอกในเดือนเม.ย.แบบแตะ ๆ “คนชั้น14” หน่อย ๆ ก็ถูกมอง ไปถึงวันที่ 31ม.ค.ที่ศาลจะมีการตัดสินคดี “ล้มล้างการปกครอง” ของพรรคก้าวไกล และผู้บริหารพรรค โดยเฉพาะการวิเคราะห์ไปถึงความต้องการ “ฝ่ายอำนาจ” ที่ต้องการให้ “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล”และ “พรรคที่3” ตัวแทนจากฝ่ายอำนาจเดิม ยังคง บาลานส์ กันอยู่บนกระดานอำนาจการเมืองในระบบกันต่อไป ไม่ไหลไปในแนวก้าวไกลทั้งแผ่นดินที่คนข้างหลังก้าวไกลวางทิศทางไว้
อย่างที่ คนเพื่อไทย “อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” ก็มองการกลับมาของ “พิธา” ไม่มีผลกระทบกับรัฐบาลการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของสภาและองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว “พิธา”จะจับตาโครงการใดของรัฐบาลก็เป็นสิทธิ รัฐบาลคงไม่ต้องไปตกใจอะไร การตรวจสอบรัฐบาลของฝ่ายค้านก็คงทำหน้าที่เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา เพียงแค่มี ส.ส.เพิ่มขึ้นมาในฝ่ายค้านอีกหนึ่งคนเท่านั้นคงไม่มีผลกระทบอะไรกับรัฐบาล.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews