นายกฯ ห่วงสื่อมวลชน ทำข่าวในพื้นที่ชุมนุม ได้รับผลกระทบอันตราย ขออย่าอยู่ใกล้แนวปะทะ ยันเจ้าหน้าที่ไม่พกอาวุธปืนอย่างแน่นอน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่ม Redem ที่มีเหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า มีการประเมินมาตลอด และจะเห็นได้ว่าการแยกเป็นหลายกลุ่ม มีทั้งกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงและไม่รุนแรง โดยมีการปรับเปลี่ยนวิธีการมาตลอด รัฐบาลก็มองว่าจะทำอย่างไรให้เหตุการณ์สงบ ประชาชนปลอดภัย เพราะมองผู้ชุมนุมเป็นประชาชนคนไทยเหมือนกัน สิ่งที่กังวลคือมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่ชอบกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งก็ต้องไประวัง ไม่ให้เกิดการทำร้ายซึ่งกันและกัน ถ้าไม่ทำอะไรให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน ก็จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น สื่อก็ต้องช่วยกันได้ ทั้งการทำข่าวและถ่ายภาพต่างๆ ซึ่งตนก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพข้อมูลในพื้นที่ด้วย นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เป็นห่วงสื่อมวลชนที่ ทำข่าวในพื้นที่ชุมนุม เพราะเวลามีการปฏิบัติการ ย่อมได้รับผลกระทบอันตราย
ขณะเดียวกัน ได้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกรณีที่มีการใช้อาวุธปืน กำลังติดตามตรวจสอบจากกล้อง ซึ่งตำรวจยืนยันชัดเจนว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่อย่างแน่นนอน เพราะมีการทำร้ายกันของประชาชนอยู่กลุ่มหนึ่ง แล้วมีมวลชนผ่านไปช่วยผู้ที่ถูกทำร้าย จึงมีการใช้อาวุธ ซึ่งตนเป็นห่วงเหตุการณ์ในลักษณะนี้มากกว่า พร้อมย้ำกับเจ้าหน้าที่อยู่เสมอให้ระมัดระวังมากที่สุด ใครได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ก็ต้องไปดูแลรักษาพยาบาล
ส่วนการแยกแยะสื่อกับผู้ชุมนุม หลังสื่อถูกลูกหลง ว่าได้กำชับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว และขอสื่อกรุณาอย่างไปอยู่ใกล้แนวปะทะ ต้องเอาตัวออกมาให้ปลอดภัย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเป็นห่วง ย้ำสื่อในการระมัดระวังตัว เพราะสื่ออยู่แต่ฝั่งผู้ชุมนุม แล้วถ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ วันนี้ได้ให้ตำรวจถ่ายฝั่งผู้ชุมนุม เพื่อให้เห็นว่าสื่ออยู่ในจุดเสี่ยง
ส่วนที่สื่ออ้างว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะต้องทำข่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สื่อรู้อยู่แล้ว เมื่อตำรวจเริ่มที่จะปรับแนว สื่อควรจะออกไปอยู่ด้านข้าง แต่สื่อกลับอยู่ฝั่งผู้ชุมนุม ซึ่งตรงข้ามกับตำรวจ และได้ประกาศว่าจำเป็นต้องให้เกิดความสงบ พร้อมบอกว่า สื่อไม่เห็นว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกระทำอะไรบ้าง ไม่เห็นหรือ ถ้าไม่มีอะไรตำรวจไม่ทำก่อน ถ้าไม่มีความรุนแรง จะเคลื่อนกำลังไปหาผู้ชุมนุมหรือไม่ ถ้าไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นหรือส่อให้เกิดเจตนาให้เกิดเหตุบานปลาย เจ้าหน้าที่ประกาศแจ้งล่วงหน้าอยู่แล้ว สื่อก็ต้องหลบออกมา หรือจะปล่อยให้ผู้ชุมนุมกระจายไปทั่ว เพราะทุกประเทศก็ใช้วิธีนี้ควบคุมพื้นที่ เพื่อให้ผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด ถ้ารัฐบาลไม่ทำก็จะถูกร้องเรียนจากประชาชนว่าไม่ดูแล การใช้ความรุนแรงเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าไม่ถูกต้อง
และตำหนิสื่อ ว่าถ่ายภาพเจ้าหน้าที่ลงหน้าหนึ่ง มันดีกับประเทศหรือไม่ จึงอยากถามหาความรับผิดชอบกับประเทศชาติจากสื่อ รวมถึงการสร้างการรับรู้กับต่างชาติ ไม่ให้เกิดความเข้าใจที่ผิด ทำไมถึงไม่มีรูปเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้าย ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น หรือ รับกับเรื่องแบบนี้ได้ พร้อมถามย้ำกับสื่อว่า รับได้ใช่หรือไม่ และอยากถามกลับว่าตำรวจทำอะไรรุนแรงหรือไม่
นายกฯ อารมณ์เสีย กลุ่มผู้ชุมนุมจ้องทำร้ายลูกสาว บอกเรื่องนี้ไม่ควร ลั่นขอสื่อปกป้องบ้าง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการเชิญในทวิตเตอร์ ให้ทำร้ายบุตรสาวนายกรัฐมนตรี เมื่อเจอตัว โดยทำให้นายกรัฐมนตรีอารมณ์เสียทันที พร้อมพูดด้วยเสียงดังว่าสื่อทุกคนให้ช่วยตนบ้าง ควรบอกด้วยว่าเรื่องนี้ไม่ควร ไม่เห็นมีสื่อพูดปกป้อง โดยในเรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายจะดำเนินการเอง ใครพูดจาให้ร้ายเกลียดชังดูหมิ่น ก็ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทอยู่แล้ว
พร้อมได้ถามผู้สื่อข่าว ว่า ถ้าใครมาทำร้ายลูกสาวท่าน ท่านจะยอมหรือไม่ อย่าฝืนกฎหมาย เพราะกฎหมายมีอยู่แล้ว ซึ่งลูกสาวและครอบครัว ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะอยู่แล้ว
นายกฯแจงรัฐบาลไม่ได้สนุบสนุนส่งเสบียงกองทัพทหารเมียนมา แต่ซื้อโดยตรงผ่านพ่อค้า เพื่อไม่ให้คนกลุ่มนี้เข้ามาซื้อของในประเทศไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพถ่ายรถบรรทุกอาหารจากไทย โดยอ้างว่าเป็นการสนับสนุนกองทัพเมียนมา ว่า
ต้องย้อนกลับไปดูว่าหลายสิบปีที่แล้วมีทหารเมียนมาและประชาชนมาอาศัยอยู่บนเส้นเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่สูงบนภูเขา เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้วิธีเจรจาขอให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกจากพื้นที่ ให้กลับมาอาศัยอยู่บนพื้นที่ราบด้านล่าง ซึ่งได้รับความร่วมมือ เพียงแต่ต้องมีเงื่อนไขว่าจะต้องลำเลียงอาหาร ดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย ตามหลักมนุษยธรรม และจะเป็นผลดีต่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีการแบ่งชัดเจน ว่าเป็นของประเทศใด จึงไม่ต้องการให้มีบุคคลใดไปอาศัยอยู่ หรือให้เข้ามาซื้อสินค้าในเขตหรือตลาดของประเทศไทย จึงให้มีการสั่งซื้อโดยตรงกับพ่อค้าแม่ค้า
ดังนั้น ขออย่างนำไปเป็นประเด็น เพราะเป็นคนละเรื่อง หรือนำไปโยงพาดพิงกล่าวหาว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตามหลังเกิดการรัฐประหารและมีสถานการณ์รุนแรงในเมียนมารัฐบาลเมียนมายังไม่เคยขอความช่วยเหลือใดๆมายังประเทศไทย เพราะเป็นเรื่องภายในของแต่ละประเทศ ซึ่งคงไม่จำเป็นต้องมาปรึกษาประเทศไทย อีกทั้งกฎบัตรของอาเซียนกำหนดไว้ชัดเจนว่าแต่ละประเทศจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือแทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน แต่เรื่องใดที่เป็นความรุนแรงหรือขอห่วงใยจากต่างประเทศ รัฐบาลก็ได้มีการแจ้งเตือนไปแล้ว แต่เป็นการดำเนินการตามมติของอาเซียน และปัญหาของเมียนมาไม่เหมือนกับปัญหาของไทย ดังนั้นจึงต้องมีกระบวนการบริหารของรัฐบาลเมียนมาเอง ว่าจะทำอย่างไรให้ปลอดภัยหรือสงบเรียบร้อย ซึ่งคิดว่ารัฐบาลเมียนมาก็ต้องการให้ถึงจุดนั้นอยู่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news