ประหนึ่งจะเป็นไปดังที่ “สว.สมชาย” ทำนายไว้เมื่อ 7 วันที่แล้วที่ว่า “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำวินิจฉัย..การหาเสียงของพรรคก้าวไกล แก้ไข ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
โดยศาลระบุ ทั้ง “พิธา” ละ “พรรคก้าวไกล” มีพฤติการณ์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆเพื่อการเรียกร้องให้มีการทำลายการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยซ่อนเร้นผ่านการนำเสนอร่างกฎหมายแก้ไข ม.112 และใช้เป็นนโยบายพรรคมีลักษณะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ หากยังปล่อยให้ พรรคก้าวไกล กระทำการต่อไปย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่จะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจึงเป็นการใช้สิทธิ์หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรค 1
โดย ศาลรัฐธรรมนูญระบุในคำวินิจฉัยด้วยว่า จึงสั่งการให้ทั้ง พิธา และ พรรคก้าวไกล เลิกการกระทำเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิก ม.112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไข ม.112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทาง นิติบัญญัติต่อไปในอนาคต
เรียกได้ว่าคำวินิจฉัยของศาลที่ออกมาทำให้ผู้คนในก้าวไกล ไล่ตั้งแต่ “พิธา” “ต๋อม”ไปจนถึงลูกพรรคและเหล่าบรรดา “ด้อมส้ม”FC และ “ผู้นำจิตวิญญาณ”อย่าง “ธนาธร” ช็อคฟิล ไม่น้อย เพราะเท่ากับว่า”คำวินิจฉัย”นี้เป็นการ “มัดใส่ห่อรอ”ชี้ให้เห็นสัญญาณทิศทาง”อนาคต”ของทั้ง “พิธา”กรรมการบริหารพรรค และ พรรคก้าวไกล ไว้แล้วว่า รอดยากที่จะโดนยื่น “ยุบพรรค”ตาม พรบ.พรรคการเมือง ม.92 (1) และ (2) ต่อ กกต.เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจนำไปสู่การตัดสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ไล่ตั้งแต่พิธา,ต๋อม,ไหม,โรม ลงไป
ที่หะแรก แม้เหล่าบรรดาแกนนำ จะดูมั่นใจจากทิศทางมาจากคดี “ถือหุ้นสื่อITV”ของ “พิธา”ที่รอดมาได้มาหนนี้อาจจะรอด เพราะเห็น “ธีรยุทธ์” ทนายความของอดีตพระพุทธะอิสระที่ไปร้อง แค่ขอให้ศาลสั่งให้”ส้มหยุด”คือให้พิธา และ ก้าวไกล หยุดการไปหาเสียงหรือการพยายามให้มีการยกเลิก ม.112ไม่ได้ไปถึงการให้ยุบพรรค แต่คำวินิจฉัยของศาลรธน.ที่ออกมาบ่งชัดครอบคลุมไปถึงการกระทำของ “พิธา”และ “ก้าวไกล”ว่ามีพฤติการณ์เรียกร้องล้มล้างการปกครองโดยซ่อนเร้นผ่านการนำเสนอ ร่างกฎหมายแก้ไข ม.112 อย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ
เรียกว่าผลจากคำการวินิจฉัยดังกล่าวของศาล ที่ “ชี้ชัด”แล้วว่าการกระทำของพิธา ก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครองนั้น ไม่แต่ จะทำให้ ทั้ง “พิธา” และ “ก้าวไกล”ทำได้เพียงเตรียมเก็บฉาก รอการถูกฟันจาก”ดาบแรก”ที่ต้องถูกไปยื่นยุบพรรค ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ต้องแยกย้ายกันไปตั้งเปิดหัวตั้งพรรคใหม่กันแล้ว ยังจะต้องเจอกับ “ดาบ2”
ที่แทบจะเป็นการ”สลายกำลังสำคัญทั้งหมด”ของ “ก้าวไกล”อย่างโหดแบบ “ประหารชีวิตทางการเมือง” ไล่เก็บส.ส.รายคน โดยหยิบจากผล คำวินิจฉัยของศาลรธน.วันนี้ คือ การที่จะมี “นักร้อง”หรือใครต่อใครก็ตามไปยื่นต่อปปช.ดำเนินคดีต่อไปยังศาลฎีกาการเมือง เพื่อเอาผิดจริยธรรมร้ายแรง กับ “พิธา”และ ส.ส.ก้าวไกล 44 คน
ที่เคยไปยื่นร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เมื่อปี 2564 โดยโทษตามความผิดจริยธรรมร้ายแรงคือ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และ ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ โดย44 ส.ส.ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ …)เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2564 ที่ไล่ตั้งแต่ “พิธา”ลงไปส่วนใหญ่ล้วนแต่มีแต่มีบทบาทสำคัญ ในสภาทั้งในกรรมาธิการรวมถึงบรรดา “ตัวท็อป”ที่ตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพิธา,ไหม,โรม,วิโรจน์,อมรัตน์ ,ณัฐชา,ปกรณ์วุฒิ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews