จังหวะการเมืองกำลังนัวทุกข้างฝ่ายทั้งที่มีความสัมพันธ์ไขว์ “สัมพันธ์ซ้อน” ซ่อนดีล อย่างที่เพิ่งผ่านฉาก “การตีตรา” ปักชนักกลางหลังซ้ำต่อจากกระบวนท่า “3 ดาบ” คดีนโยบายหาเสียงแก้ม.112 ศาลรัฐธรรมนูญไปสู่การยื่น ยุบพรรค-ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค และ คดีจริยธรรมประหารชีวิตการเมือง 44 ส.ส.
มาถึงคดี “แฟลชม็อบ62” ที่ “เก็บสแปร” ทั้ง “พิธา-ก้าวไกล” “ผู้นำแถว 2” และ คณะผู้นำจิตวิญญาณส้มจาก คณะก้าวหน้า-ธนาธร ปิยะบุตร ช่อ ผู้นำแถว1 สมัย”อนาคตใหม่”ไม่นับรวม ประปราย ติดปลายนวมปฏิบัติการของกลุ่มจับโกหกก้าวไกล ที่ไล่บดขยี้ แฉเหล่าบรรดาส.ส.ที่จะขึ้นมาในแถว 3 จากประเด็นหนีทหารที่กระแสบนหน้าปัดข่าว พอจะประทังหลบ “ปมร้อน” “รัฐบาลเศรษฐา” ที่รอวันประทุลุกลามใน 2 ประเด็นไฮไลท์คาใจ อย่าง “โครงการแจกดิจิทัลวอเล็ต” และ “คนชั้น14”
ที่ปรากฏว่าวันนี้ เริ่มมี “สัญญาน” ทิศทาง การกลับมาพีคอีกครั้ง ไม่แต่ทั้งการถูก “ด้อยค่า” ล้อกันสนั่นเมืองกับกระแสก่อนวันจ่ายตรุษจีน เป็น “เงินดิจิทัลกงเต็ก” ที่ร้านขายกระดาษไหว้เอามาโปรโมทจนฮือฮา”คนตายจะได้ใช้ ส่วนคนเป็นไม่ได้ใช้” ที่ประเด็นนี้นอกจากการรอคำตอบจากปปช. ยังเกิดอาการ “เดจาวู”วนกลับมาอีกกับ “ความขัดแย้ง”ระหว่าง “นายกฯ”กับ “แบงค์ชาติ” ที่เคยถูกครหา “แทรกแซง” ปม”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ที่รัฐบาลต้องการให้ปรับลดลง
ที่เมื่อวาน (5 ก.พ.) ปรากฎผู้คนในรัฐบาลไล่ตั้งแต่ “นายกฯ” “รองอ้วน” จนถึง “รมช.คลังจุลพันธ์” ออกมาเหมือนกดดันในทีว่าประเทศจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจแบบ “ต้มยำกุ้ง”หากไม่แก้เรื่องเงินเฟ้อ ตามมาด้วยการายงานของกระทรวงพาณิชย์ถึงภาวะติดลบเงินเฟ้อ
ที่ “นายกฯเศรษฐา”นำมาแชร์ในทวิตว่าถึงเวลาต้องปรับอัตราดอกเบี้ย ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.ฝากไปยังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีการประชุมพรุ่งนี้ (7 ก.พ.) ไปพิจารณาเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพราะมองว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน หากลดลงมายังมี room อีกมาก เพราะหากมีวิกฤตเกิดขึ้นยังสามารถลดไปได้อีกและว่า “นโยบายการเงินและนโยบายการคลังต้องไปด้วยกัน และวันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วเงินเฟ้อยังติดลบอยู่ก็คุยกันตลอดและวันนี้ก็สื่อสารตรงไปตรงมา ไม่ได้เป็นการก้าวร้าว และตัวเลขที่ออกมาก็เป็นบทพิสูจน์แล้วและคงไม่มีใครมาถกเถียงว่า ตัวเลขที่ติดลบไม่จริงไม่ตรง
ตัวเลขมันชัดเจนอยู่แล้วเพราะฉะนั้นตนเชื่อว่า เรื่องลดดอกเบี้ยมันถึงเวลา ก็ฝากให้คณะกรรมการกนง.พิจารณาประชุมกัน”เรียกว่าถือเป็น “สัญญานตรง” จาก “นายกฯ” ที่เหมือนต้องการส่งตรงไปยังที่ประชุม กนง.พรุ่งนี้ (7ก.พ.)ทั้งที่รับรู้กันอยู่ว่า แบงค์ชาติมาในแนวทาง การเพิ่มหรือคงอัตราดอกเบี้ย ที่ปมนี้ในทางการเมืองถูกมองเชื่อมโยงไปถึงประเด็นที่เคยถกเถียงกันว่าประเทศวิกฤติหรือไม่วิกฤติเศรษฐกิจที่ทุกฝ่ายรวมถึงแบงค์ชาติมองต่างจากรัฐบาลกระทั่งเกิดปรากฎการณ์ผู้คนฝั่งรัฐบาล ในสภาอภิปรายโจมตีแนวทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของแบงค์ชาติ
ที่ประเด็นนี้ ถูกมองเชื่อมต่อกับ “สัญญาน” ว่าจะเป็น “บวกหรือลบ” เป็นกับดัก หรือ บันไดหนีไฟให้กับ “คนชั้น14” ที่ปรากฏเรื่องนี้ กลับมาพีคโดยไม่เกี่ยวกับการกลับมาของ “ม็อบคปท.”หรือที่สว.กดดัน “ประธานสว.” เปิดศึกซักฟอก 2 ปมร้อนรัฐบาล หากแต่มาพีคจากปม “คู่ขนาน”ที่บังเอิญปะเหมาะเจาะกันในจังหวะงวดใกล้วันที่ 18ก.พ.ที่จะครบ “เงื่อนไขเวลา” ที่ “ทักษิณ”จะได้รับ “การพักโทษ” ที่เคยมีสัญญานจาก “กรมคุก” มาแล้วรอบหนึ่งว่า “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์ที่ปรากฏจู่ ๆ ก็มีปมเรื่อง ตำรวจ ปอท.และอัยการ มีการติดต่อ “กรมคุก” เพื่อขออายัดตัว “ทักษิณ” เมื่อได้รับการ “พักโทษ”เพื่อนำตัวไปส่งฟ้องดำเนินคดีความผิด ม.112
จากที่เคยไปพูดที่ต่างประเทศและเข้าข่ายความผิดหลังอัยการสูงสุดยืนยันสั่งฟ้อง นช.ทักษิณ มีหมายจับ โดยวันนี้อัยการมีการแถลงว่า 17ม.ค.67ที่ผ่านมาอธิบดีอัยการ และคณะผู้รับผิดชอบคดี ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาให้ “ทักษิณ” ทราบแล้ว ซึ่ง “ทักษิณ” ปฏิเสธ พร้อมยื่นหนังสือ “ขอความเป็นธรรม”ต่ออัยการสูงสุด ซึ่งอยู่ในขั้นตอนตรวจสำนวน และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณา โดยโฆษกอัยการบอกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งอายัดตัว “ทักษิณ” ไว้กับกรมราชทัณฑ์แล้ว.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews