Home
|
ข่าว

“สว.วันชัย” อัด “ทะลุวัง” พฤติกรรมไม่เหมาะสม ย่ำยีคนไทย

Featured Image
“สว.วันชัย”อัด “ทะลุวัง” พฤติกรรมไม่เหมาะสม ย่ำยีประชาชนคนไทย การกระทำรุนแรงไม่ควรเกิดขึ้น เพราะผิดกฎหมาย

 

 

 

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวันแกนนำกลุ่มทะลุวัง ที่มีพฤติกรรมมิบังควรต่อขบวนเสด็จฯ ว่า พฤติกรรมไม่เหมาะสม ย่ำยีประชาชนคนไทย เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ประณามต่อการกระทำครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกต ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือพรรคการเมืองบางพรรคหรือประชาชน รู้สึกว่าการกระทำครั้งนี้ ย่ำยี

 

 

หัวใจประชาชนเกินไป และที่สำคัญที่สุดเราอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นผืนแผ่นดินที่เรามีพระมหากษัตริย์ และเป็นวิถีชีวิตสิ่งที่เราเคารพเทิดทูนบูชา เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง สังคมทั่วไปใครก็ตามที่เห็น ก็ถือว่าเป็น พฤติกรรมที่ทำเกินไปเกินกว่าที่ใครจะรับได้ โดยที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่แต่สิ่งที่เคารพบูชาของคนไทยเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้อะไรควรหรือไม่ควร ถือเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยที่ประชาชนคนไทยควรจะมี

 

 

นายวันชัย ระบุว่า ถ้ามองในแง่กฎหมาย ก็ดำเนินการไป แต่สิ่งที่สังคมไทยพึงปฏิบัติรวมทั้งทุกภาคส่วนองค์กรใดๆ หรือวุฒิสภาเห็นว่าพฤติกรรมที่จะยับยั้งการกระทำเช่นนี้ คือ การปฏิเสธการกระทำของบุคคลเหล่านี้และต้องประณามการกระทำของบุคคลเหล่านี้ และใครก็ตามที่สนับสนุน ถือว่ามีส่วนเห็นด้วย เราต้องช่วยกันประณามและตะโกนออกมาดังๆ

 

 

ให้คนพวกนี้ไม่มีการกระทำในลักษณะเช่นนี้อีก และไม่ควรจะมีที่ยืนในสังคม ใครเป็นพ่อเป็นแม่เป็นผู้ปกครอง ก็ควรที่จะสั่งสอนลูกของตัวเอง และอบรมให้เข้าใจ วิถีชีวิตของความเป็นไทย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วน ไม่มีใครยอมรับ

 

 

ส่วนที่อ้างว่าไม่รู้เป็นขบวนเสด็จฯ และไม่ตั้งใจป่วนนั้น นายวันชัย กล่าวว่า “ฟังไม่ขึ้น” เพราะดูจากพฤติกรรมชัดเจนกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งการกั้นหรือการดำเนินการต่างๆ ใครก็รู้ ตัวเองก็น่าจะรู้ได้ว่า เป็นขบวนเสด็จฯ ตำรวจก็แจ้งแต่มีพฤติกรรมที่สวนกับตำรวจ ทั้งที่ตำรวจแจ้งว่านี่คือขบวนอะไร มีการปฏิบัติภารกิจอย่างไร จะทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แน่นอนคนกระทำเช่นนั้น อาจจะโต้แย้งภายหลังก็เป็นอีกเรื่อง แต่เชื่อว่าคนทั่วไปเขารู้ว่าคุณกำลังทำอะไร

 

 

 

นายวันชัย กล่าวอีกว่า การกระทำที่รุนแรงไม่ควรเกิดขึ้น เพราะผิดกฎหมาย แต่การแสดงออกถึงการปฏิเสธเป็นสิ่งที่ทำได้ และจะต้องแยกส่วนกันกับการเคลื่อนไหว ตนไม่เห็นด้วยกับการดำเนินคดีคนทำผิดมาตรา 112 เพราะเป็นคนละเรื่องคนละประเด็น จะเอามาปะปนกันไม่ได้ ไม่มีเหตุผลที่จะรับฟังได้

 

 

ส่วนที่นายกรัฐมนตรี กำชับเรื่องมาตรการอารักขาบุคคลสำคัญ นายวันชัย มองว่า เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขบวนเสด็จฯ ไม่ควรใช้ข้อกฎหมายอย่างเดียว สังคมในประเทศประชาชนทุกคนที่เคารพเทิดทูนสถาบันต้องลุกขึ้นมาตะโกนพร้อมกัน เพื่อยับยั้งการกระทำของบุคคลที่จาบจ้วงล่วงละเมิดได้

 

 

ขณะเดียวกัน นายวันชัย ยังเห็นด้วยกับการออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรม เพราะไม่อยากให้มีบาดแผลในสังคมไทย เช่น เรื่องการเผาทำลายบ้านเมือง ก็ซ่อมแซมแล้ว คนบาดเจ็บล้มตาย ก็หาแนวทางเยียวยาต่อไป แต่ความเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกันอาจจะเกิดการปราศรัยรุนแรงความรู้สึกเกิดขึ้นได้เกือบ 20 ปีแล้ว จะเป็นบาดแผลในสังคมไทยทำไม บรรยากาศการเมืองช่วงนี้เหมาะต่อการนิรโทษกรรม เพราะการโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็นนายกฯ เพื่อไทยเป็นแกนนำ เป็นปฐมบทของการปรองดองสมานฉันท์และเหมือนเป็นการนิรโทษแดง เหลือง นปช.

 

 

กปปส.ไปในตัวอยู่ในตัวแล้วร่วมเป็นรัฐบาล ดังนั้น เรื่องแบบนี้ควรที่จะทำให้เป็นรูปธรรมในทางกฎหมาย อย่าสักแต่ว่าพูดกันไปแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประเด็นเรื่อง 112 แน่นอนว่า เป็นประเด็นทางการเมือง คนเขาบอกว่าคดีร้ายแรง ความผิดอาญาร้ายแรงสิ่งต่างๆ แบบนี้ จำเป็นต้องมีคณะกรรมการทางกฎหมายมาพิจารณาอย่าปล่อยให้คาราคาซังถ้าจะแยกแยะ ม.112

 

 

มีเหตุผลทั้งทางการเมืองและทางกฎหมาย แต่สามารถหาความพอดีได้หาข้อยุติได้ และตนเชื่อว่าผู้มีอำนาจที่เป็นรัฐบาล สามารถพิจารณาและรู้ได้ เพราะ ม.112 มีเหตุผลทั้งทางการเมืองและกฎหมาย เป็นเรื่องที่อ่อนไหว เป็นเรื่องที่สำคัญ ควรรู้ว่ากระทำอย่างไรแล้ว มันเหมาะสม ควรจะรู้ว่าทำด้วยวิธีการใดและผลออกมาก่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ มีหลายวิธีในอดีตที่เป็นตัวอย่างเรื่อง ม.112 แล้ว ทำให้จบลงได้ด้วยดี และส่วนตัวเชื่อว่าผู้ที่มีอำนาจสามารถหาความพอดีต่อประเด็น ม.112 และทำให้เกิดความปรองดองในสังคมไทยได้

 

 

 

สำหรับการปะทะกันของกลุ่มความเห็นต่างล่าสุด นายวันชัย เชื่อว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต เพราะเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองตาม ปกติ แต่เรื่องที่จะทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบเรียบร้อย เกิดความปรองดองต่อกัน ตนว่ารัฐบาลจะต้องเอาเป็นเป้าหมายใหญ่และเป็นเป้าหมายสำคัญ ไม่ใช่เป็นรัฐบาลกันแล้วเคยพูดเรื่องปรองดอง ในสมัยที่เป็นฝ่ายค้าน เพราะเป็นรัฐบาลและลอยนวลดึงเวลาไปเรื่อย

 

 

ทั้งนี้ รัฐบาล จะต้องผลักดันเรื่องปรองดองสมานฉันท์เป็นหัวใจสำคัญไม่ใช่จะเอาแต่เรื่อง Digital wallet ที่ไม่ก่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ รังแต่จะขยายความขัดแย้งให้มากขึ้น แม้แต่สัปดาห์นี้จะมีการพิจารณาร่วมในที่ประชุมรัฐสภา เกี่ยวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ แก้วิธีพิจารณาคดี ป.ป.ช และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

 

เป็นเรื่องที่ไม่เร่งด่วนรีบพิจารณารังแต่จะเกิดความขัดแย้ง และอาจจะลามไปถึงคดีต่างๆ ที่ ยุติไปแล้วตั้งแต่ สมัยคุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ กลับหาเรื่องเอากฎหมายฉบับนี้มาพิจารณาหากทำให้มีการรื้อฟื้นคดีเก่าๆ ฟ้องทหาร ฟ้องพันธมิตร ฟ้องคุณทักษิณคุณยิ่งลักษณ์ ทำไปหาสวรรค์วิมานอะไร บ้านเมืองน่าจะทำเรื่องปรองดองกลับทำเรื่องที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แปลกมาก มองว่ารัฐบาลนี้ สส. พรรคการเมืองคิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

 

 

นายวันชัย กล่าวอีกว่า เท่าที่ติดตามสถานการณ์ทางการเมือง ประมาณเดือนมีนาคมเป็นต้นไป หลังตรุษจีนจะมี พ.ร.ป. 2 ฉบับเข้าสภา คงมีการถกแถลงฟัดกันน่าดูพอสมควร โดยเฉพาะวุฒิสภาไม่เห็นตัวอย่างยิ่งว่ากฎหมายฉบับนี้ จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ไม่เกิดความสมัครสมานสามัคคีจะเป็นการรื้อร้องฟ้องคดีที่ป.ป.ช.ยุติไปแล้ว หลังจากนั้น ก็จะมีการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 และพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ ซึ่ง 3-4 เรื่องจะเข้าสู่การพิจารณารวมทั้งอภิปรายทั่วไป ของวุฒิสภาที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม

 

 

 

ดังนั้น ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงมีนาคมเกือบทั้งเดือน จะเป็นเดือนที่มีสถานการณ์ทางการเมือง ในสภาร้อนแรง พอสมควร ใครที่ติดตามทางการเมืองจะเห็นได้ว่าที่เงียบสงบมาโดยตลอดรัฐบาลเศรษฐา ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมสภานี้จะเห็นความร้อนแรงการปะทะกันทางความคิด รวมทั้งอาจจะเห็นการต่อสู้กันทางการเมืองในสภาในเดือนมีนาคมนี้ร้อนแรงจริงๆ

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube