นายกฯ ได้แสดงวิสัยทัศน์ประเทศไทย ผลักดันเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การรักษาพยาบาล ฮับการบิน การเงินของเอเชีย เล็งยกระดับรายได้เกษตรกร 3 เท่าใน 4 ปี
ในวันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ว่า ความขัดแย้ง ปัญหาการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บดบังศักยภาพ แสงสว่างของประเทศไทย ตั้งแต่ 6 เดือน รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ความสงบ ความสมัครสมานสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจกันของทุกคน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่จะให้ชาวโลกรู้ว่าแสงสว่างของประเทศไทยเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ไทยก้าวเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากเป็นอันดับ 8 ของโลก นำรายได้เข้าสู่ประเทศ 2.3 ล้านล้านบาท และจะโตขึ้นอีกในช่วง 4 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน โดยมาตรการท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อดึงศักยภาพของประเทศไทย ทั้งการยกระดับเมืองรอง ดังนั้น ด้านการท่องเที่ยวจะต้องได้รับการส่งเสริมต่อยอดทุกรูปแบบ โดยนับจากนี้ประเทศไทยจะไม่หลับไหล โดยจะดันการท่องเที่ยวในกลุ่ม CLMV ด้วยการเปิดวีซ่าเพิ่ม ขณะเดียวกันแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นโฮมสเตย์ของคนทั่วโลก
นอกจากนี้ จะผลักดันให้ไทยยังเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยในปี 2566 การท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์และสุขภาพ จะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่า 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น จึงมีเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยเป็นเลิศทางการแพทย์สำหรับคนทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญกับคนไทยด้วยการ พัฒนาระบบรักษาพยาบาลที่ดี ทำให้มีการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ขณะเดียวกัน รัฐบาล จะพัฒนาระบบการใช้ AI ให้เชื่อมฐานข้อมูลระหว่างกัน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลนี้จะยกระดับเกษตรกรรมในประเทศไทย วางแผนการปลูก เพื่อให้สินค้าเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาหารของภูมิภาค ดันให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน4 ปี
โดยนายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้ถึงจุดแข็งทางภูมิศาสตร์ของประเทศ ว่าเตรียมผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง การขนส่งสินค้าไปยังทั่วโลก ดังนั้น จึงต้องลงทุนขยายศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการขยายรันเวย์ การขยายอาคารผู้โดยสารให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง โดยโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน ยังคงมีความจำเป็น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องการผลักดัน ให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางยานยนต์แห่งอนาคต มีเป้าหมายการลงทุน โดยในระยะเวลา 4 ปี ตั้งเป้าหมายแผนการลงทุน 1 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด นายกรัฐมนตรีจะทำคนเดียวไม่ได้ ทีมงานจะต้องมาขับเคลื่อน เพื่อให้มีความแข็งแกร่ง พร้อมจะเดินไปด้วยกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ให้สัมภาษณ์ ก่อนเข้าร่วมประชุมที่สภาฯถึงกรณีที่การธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ว่าจะไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ยว่า ได้ยินมาเหมือนกัน ก็ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ธปท. แต่หน้าที่ของตน คือ การอธิบายให้ฟังถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ความเป็นอิสระและความที่ตนไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง แต่ก็เชื่อว่าตนและผู้ว่าฯ มีความสำคัญและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
แต่ในส่วนรัฐบาลจะส่งสัญญาณต่อไป แล้วดูว่าคนอื่นจะเห็นด้วยหรือไม่ วันนี้เราอยู่ในสังคมที่เจริญและพัฒนาแล้ว มีความเห็นต่างก็พูดคุยกันได้ ไม่ได้มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน และพยายามใช้เหตุและผล เพราะตัวเลขการชี้นำของเศรษฐกิจต่างๆ ก็บ่งบอกอะไรหลายๆ อย่าง แต่ต้องจับเขาคุยแบบจริงจังกับผู้ว่าฯอีกครั้งหรือไม่ เนื่องจากนโยบายการเงินและการคลังไม่สอดคล้องกัน นายกรัฐมนตรี บอกว่า ก็คงเป็นในลักษณะนั้น ส่วนจะนัดเมื่อไหร่ ขอให้ถึงเวลาอันสมควร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews