@ออกตัวอธิบายยาว เลยว่า 2ใน4 รัฐมนตรีว่าการคนใหม่ ของ”ครม.ประยุทธ์2/4″ที่เตรียมเข้าถวายสัตย์ 27มี.ค. พร้อมทำงานแม้จะถูกเสียงวิจารณ์หนักว่าไร้ประสบการณ์ โดยเฉพาะในรายงาน หลานสาว”ป๋าเหนาะ” “น.ส.ตรีนุช เทียนทอง” รมว. ศึกษาธิการ ถูกสังคมจับตา ว่าไม่มีประสบการณ์ด้านการศึกษามาก่อน โดย “ลุงทำเนียบฯ”แจงแทนว่า การทำงานมีหลายระดับ ระดับนโยบายอยู่ที่นายกฯ ซึ่งตนเองก็มีประสบการณ์ด้านการศึกษามาก่อนเพราะเป็นทหาร แถมยังเป็นผู้กำหนดนโยบายตามยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษา รวมถึงรัฐมนตรีคนเดิมก็มีแผนการทำงานวางไว้แล้ว ก่อนเปรยดังว่า งานกระทรวงศึกษาไม่อยากให้มีคำว่าเด็กดี เด็กเลว ต้องทำให้เด็กของเราเป็นคนดี และอย่าว่านายกฯเผด็จการ ผมขอถามว่าเผด็จการตรงไหน วันนี้ยังไม่เห็นมีเผด็จการอะไรเลย เพราะตนสั่งเฉพาะในอำนาจของผม ในฐานะฝ่ายบริหาร อย่ามาบอกว่านายกฯไม่รู้ ตนรู้ แต่นายกฯไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ แต่เป็นผู้กำหนดนโยบาย
@เรียกว่า เป็นการออกตัว เพื่ออธิบาย ภาพที่ออกมา ของการปรับครม. แบบเป็นไปตามคาดหมายของหลายฝ่าย อันตอกย้ำถึงประเด็นการเมืองในรัฐบาลที่ซ่อนแรงกระเพื่อมไว้ตลอดเวลาที่มีจังหวะ และเป็น น้ำหนัก ให้ 3ลุง จำเป็นต้องแก้ปัญหา ด้วยการออกมาในภาพของ ครม.2/4 ที่มุ่งแก้โจทย์การเมือง กว่าการบ้าน และดูทรงแล้ว ลุงทำเนียบฯก็จะดูงานศึกษาเองโดยให้รัฐมนตรีเดินไปตามยุทธศาสตร์ที่วาง ซึ่งเป็นไปแบบที่ดูแลปัญหาโควิด แบบรวมศูนย์ผ่าน ศบค.ทั้งชุดเล็กและใหญ่
@กระนั้นนอกจากภาพที่ออกมาผ่านการปรับครม.ครั้งนี้ ยังมีร่องรอยเคลื่อนไหวที่น่าสนใจทางการเมือง ในจังหวะที่ รัฐบาลมีปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ60 หนึ่งใน3ข้อเรียกร้องจาก “ม็อบเด็ก” เป็น ตัวแปรเชื่อมโยงสถานการณ์บนถนนกับ กลุ่มธรรมศาสตร์ ที่ยังคงเคลื่อนไหวชุมนุมวันนี้ (24มี.ค.)หลัง กลุ่ม REDEM มีการชุมนุมไปวันที่ 20มี.ค.ที่ปรากฏภาพการจัดการสถานการณ์หน้างานของตำรวจคุมฝูงชนแบบเข้มข้น จนถูกวิจารณ์ความสุ่มเสี่ยงต่อการบานปลายไปสู่การเลือกตกยางออก และกลายเป็นเงื่อนไขความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
@แบบที่ “ทนายวันชัย”สว.โยนหินถามทางออกมาถึง การไหลรวมปมรัฐธรรมนูญ และม็อบ ไปสู่เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแบบ การยุบสภา ที่แน่นอนว่า ปลายทางที่รัฐธรรมนูญ60 วางไว้ในบทเฉพาะกาลกับ สว.250 ที่มีอายุการใช้งาน5ปี ยังคงเหลือสิทธิ์โควตาการเลือกนายกฯแบบ ลุงทำเนียบฯ หรือตัวแทนในกลุ่มอำนาจเดิมกลับมาได้อีก
@ที่น่าสนใจคือ การโยนหินดังกล่าว เหมือนจะสอดรับกับท่าทีของ ลุงทำเนียบฯ เมื่อวาน(23มี.ค.)ที่เปรยถึงการแก้รัฐธรรมนูญ กับการสืบทอดอำนาจ และ พูดลอยๆ ถึงการจะเลือกตนกลับมาหรือไม่ ซึ่งสอดรับกับ ข่าวทิ้งทุ่น “พรรคสำรอง” ออกมาในจังหวะ ความเคลื่อนไหวเดินสายของ ปลัด ฉ.ฉิ่ง ผู้ใกล้ชิด พี่รอง ที่จะเกษียณอายุในปีนี้
@ที่แม้ ลุงทำเนียบฯ และ ลุงป้อมพี่ใหญ่ จะปฏิเสธ ไม่รับรู้ด้วย ถึง พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ชื่อสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล แต่ก็เป็นกระแสที่หลายฝ่ายจับตา ถึงการวางทางออกที่สองและสาม กรณีเกิดปัญหากับพรรคการเมืองหลัก ที่รองรับอำนาจทางการเมืองของ ศูนย์อำนาจ3ป. โดยเฉพาะ ปัญหาเอกซิเดนทางข้อกฎหมายที่อาจนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชารัฐ ที่ว่ากันว่า มี2ถึง3เคส ที่ถูกจับตาว่าจะมีการยื่นดำเนินการ
@ทั้งหมดทั้งมวลต้องติดตามต่อ ว่า ร่องรอยของข่าวโยนหินถามทางทั้งการเปลี่ยนแปลงข้างต้นและการรองรับใน แผนสอง ของ ศูนย์อำนาจ3ลุง จะเป็นเพียงยุทธวิธีแค่ ดักทางขู่ การกระเพื่อมของ นักการเมือง ทั้งในพรรคหลัก และพรรคร่วมรัฐบาล ที่รู้กันอยู่ว่ายังไม่มีใครอยากหลุดพ้นจากการร่วมรัฐบาลหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงใดในตอนนี้ หรือ จะเป็นการเตรียมทาง ไปสู่การหาตัวเลือกใหม่แนวร่วมใหม่ทางการเมืองแนว “ปรองดอง”กับอีกฟากข้างรัฐบาล.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news