“วิโรจน์” เปิดสัมมนาการใช้พื้นที่ทหาร ระบุกองทัพ-พลเรือน มีความสัมพันธ์ที่ดี คือความโปร่งใส รับไม่คัดค้านเรือฟริเกต 17,000 ล้านบาท ชี้ มีความสมเหตุสมผล
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร และ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวเปิดการสัมมนาการใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ ว่า ปัจจุบันกระสุนทุกนัด อาวุธที่ทหารจัดซื้อ เชื่อว่า มีความจำเป็น แต่ทุกครั้งที่มีการบอกว่าจัดซื้อนั้น ประชาชนกลับออกมาต่อต้านทันที แสดงว่าความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพลเรือนกับทหารนั้นมีการสั่นคลอน
ทำให้การจัดซื้อจัดจ้างสิ่งที่มีความจำเป็นต่อความมั่นคงและการปฏิบัติหน้าที่ของทหารจริงๆ ของทหารอาชีพถูกลดทอนประสิทธิภาพลง ดังนั้น วันนี้บทบาทกรรมาธิการการทหารที่สำคัญที่สุด คือ การผสานให้ประชาชนกับกองทัพ กลับมามีความไว้เนื้อเชื่อใจและเข้าอกเข้าใจกันในเชิงเหตุผล ตรวจสอบซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะภาคประชาชนตรวจสอบกองทัพอย่างสมเหตุสมผล อย่างมีเนื้อหาสาระ ไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างอคติหรือเกลียดชัง
ทั้งนี้ ล่าสุด คนตกใจเห็นที่ตนไม่คัดค้านเรือฟริเกต 17,000 ล้านบาท เพราะเห็นว่ามีความสมเหตุสมผล แต่วันอังคารที่ผ่านมากองทัพเรือเตรียมเนื้อหาสาระในการอธิบายให้กับกรรมาธิการฯ ฟังอย่างดี เนื้อหานั้น กรรมาธิการการทหารรับรู้แล้วว่ามีความจำเป็น ตัวแทนก้าวไกล ยกมือให้ผ่าน แต่ตัวแทนพรรครัฐบาลกับตัดงบ ฯ เพื่อเอาเงินทั้งหมดที่ตนคาดเดาว่า จะเอาไปเข้างบกลางที่เป็นการตีเช็คเปล่าให้กับนายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้ว่า วันนี้เป็นนายกตัวจริงหรือไม่ และที่ตนสนับสนุนเรือฟริเกต
เนื่องจากจะเป็นการต่อเรือในประเทศไทยครั้งแรกขนาด 3,900 ตัน เป็นคุณูปการต่อวิศวกรรมต่อเรือมหาศาล เป็นการจ้างงาน จำนวนมาก และเป็นประโยชน์ในการต่อเรือลำต่อๆ ไป ที่ใช้ในการส่งออกได้ ที่สำคัญคือการบำรุงรักษาและสำรองอะไหล่จะทำให้ลดต้นทุนในการบำรุงรักษาเรือในระยะยาว ดังนั้น ตนจึงสนับสนุนเรือฟริเกต แต่ไม่สนับสนุนเรือดำน้ำ เพราะเรือดำน้ำนั้น เราเอาเงินไปโยนให้เขา แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลย แถมเครื่องยนต์ที่ผลิตไฟฟ้าก็ไม่รู้จะได้เครื่องของจีนหรือเยอรมัน โยนลงน้ำไปดำแน่ แต่โผล่ขึ้นมาหรือไม่ ก็ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม แล้วรัฐบาลบอกว่า หลวงงบประมาณไม่พอ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกัน
หากงบประมาณตัดทิ้งแล้ว ทิ้งไปมันก็จบ แต่ถ้าตัดแล้วเอาเข้างบกลาง นี่คือ “ปัญหา” ตกลงแล้ววันนี้เรายังเชื่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หรือไม่ จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะตนให้คนเอาเอกสารไปให้ไม่ใช่การส่งจดหมาย
สำหรับการบริหารที่ดินของกองทัพตนตั้งคำถาม เพราะสิ่งที่สำคัญที่ทำให้กองทัพและพลเรือน มีความสัมพันธ์ที่ดี คือ ความโปร่งใส ตนขอบคุณ 2 เหล่าทัพ คือทัพเรือ กับทัพอากาศที่วันนี้ให้ความร่วมมือกับกรรมาธิการดีมาก ส่วน ผบ. ทบ. ก็กำลังสร้างความสัมพันธ์ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น เข้าใจว่าการสื่อสารของกองทัพกับประชาชนบางครั้ง มีข้อจำกัดแต่ถ้าสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแล้วให้กรรมาธิการช่วยในการประชาสัมพันธ์บอกกับภาคประชาชน ซึ่งเชื่อว่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการสื่อสารมากขึ้น จะทำให้เกิดการไว้เนื้อเชื่อใจกันมากที่สุด ซึ่งไม่ได้หมายความว่า เห็นด้วยเห็นดีไปตลอด แต่หมายถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการบริหารจัดการที่ดินของกองทัพนั้น ความสำคัญที่สุดจะโอนให้กับท้องถิ่นหรือไม่ ถ้าโอนให้ได้ก็จะประเสริฐที่สุด ดีที่สุด แต่ถ้ากองทัพจะดำเนินการต่อ จะต้องชี้แจ้งให้ได้ว่าเป็นการจัดสรรเงินให้กับส่วนต่างๆ อย่างไรบ้าง ดังนั้น ต้องหารือและหาจุดที่เหมาะสมที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews