เป็นที่ชัดเจนแล้ว สภาผู้แทนราษฎรเตรียมพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายนนี้ โดยประธานสภาฯ มั่นใจไร้ปัญหา สามารถคุมการประชุมได้ ทั้งนี้ ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันเปิดเวลาฝ่ายค้านเต็มที่ โดยไม่ต้องมีองครักษ์
พร้อมดักคอฝ่ายค้าน หากแตะ “ทักษิณ ชินวัตร” อาจผิดกฎหมายได้ ส่วนการพิจารณาร่างงบประมาณประจำปี 2567 ในวาระ 2 และวาระ 3 ได้กำหนดวันพิจารณา ในวันที่ 20-22 มีนาคมนี้ ขณะเดียวกัน “รังสิมันต์ โรม” ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม กกต. จึงเล่นเทคนิคทางกฎหมาย ยุบพรรคก้าวไกล เร็วกว่าพรรคภูมิใจไทย
โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว ไม่มีปัญหา จึงส่งไปให้รัฐบาลได้พิจารณาเพื่อสอบถามความพร้อมโดยได้รับรายงานจากประธานวิปทั้ง 2 ฝ่ายว่า ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า ให้นัดประชุมในวันที่ 3-4 เมษายน นี้
ทั้งนี้ หากมีสมาชิกอภิปรายพาดพิงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า หากอภิปรายพาดพิงถึงคนนอก ก็มีข้อบังคับการประชุมสภาอยู่แล้ว แต่หากอยากกล่าวถึงบุคคลที่ 3 โดยไม่จำเป็นประธานการประชุม คงไม่อนุญาต แต่ถ้าบุคคลนั้นเกี่ยวข้องกับญัตติการอภิปรายก็จะพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป
ส่วนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วาระ 2 และวาระ 2 ได้ตกลงกันอีกครั้งว่า จะพิจารณาในวันที่ 20-22 มีนาคม เนื่องจากวันที่ 25 มีนาคม ตรงกับวันอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ของวุฒิสภา ซึ่งทางวุฒิสภาไม่อยากให้มีการประชุมซ้ำ ซ้อน เพราะจะมีผลกระทบกับการถ่ายทอดสด ทั้งนี้ เชื่อว่าจะจบการพิจารณาได้ภายใน 3 วัน
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ยืนยัน รัฐบาลเปิดเวลาให้ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างเต็มที่ คาดว่า เกิน 30 ชั่วโมง ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ พร้อมดักคอฝ่ายค้าน หากอภิปรายพาดพิงถึงนายทักษิณ โดยไม่มีประเด็นอยู่ในญัตติ ทำให้เกิดความเสียหายหลายครั้ง ผู้อภิปรายจะต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย
ขณะเดียวกัน วันนี้มีหลายคนออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณียุบพรรคก้าวไกล หลังกกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ในประเด็นล้มล้างการปกครอง โดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลกล่าวถึงกรณีประธาน กกต. ออกมาระบุว่า หลักฐานสำคัญในการยื่นยุบพรรคก้าวไกล คือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น มองว่า คำวินิจฉัยกรณีการล้มล้างการปกครอง
ส่วนหนึ่ง เป็นการใช้ตามมาตรา 49 แต่ไม่ได้วินิจฉัยให้ยุบหรืออะไร ซึ่งขั้นตอนที่ทำนั้น แยกส่วนกัน และ กกต.ก็ต้องรับฟังเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วเหตุที่วินิจฉัยออกมาจะนำไปสู่เหตุการณ์ยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน อีกทั้งไม่เข้าใจ ทำไม กกต. ถึงไปใช้อำนาจตามมาตรา 92 ส่งผลให้กรณีของพรรคก้าวไกล เร็วกว่า กรณีร้องยุบพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังและน่ากังขามาก
ส่วนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งในขณะนั้นเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ก็จะเข้าข่ายถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เป็นเวลา 10 ปีด้วย หากศาลวินิจฉัยให้ยุบพรรคก้าวไกล มองว่า เร็วเกินไปที่ยุบพรรคก้าวไกล โดยต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องได้ชี้แจงด้วย แต่ตอนนี้ ตนขอทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ให้เสียสมาธิ เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยเตรียมตัวในการต่อสู้คดี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews