ถูกบันทึกไว้ทั้งในเชิง“หลักฐาน”สำหรับ “ฝ่ายตรงข้าม”ขั้วข้าง “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม”ที่เป็น “โจทก์เก่าขาประจำ”คนไม่รักทักษิณ ที่จ้อง “จับผิด” และ “ถูกบันทึก”ไว้ในเชิงทิศทางการเมือง กับ ปรากฎการณ์ การแสดงตนเป็น “ศูนย์อำนาจการเมือง”ในสถานะ “ศูนย์หน้าอนุรักษ์นิยมใหม่”ของ “ทักษิณ”ตั้งแต่เมื่อวาน(14มี.ค.)ถึงวันนี้(15มี.ค.) ที่ “ทัพนักข่าว”ที่ไปเตรียมเกาะติดการทำข่าว “การประชุมครม.สัญจร”ที่จ.พะเยา ของ “รัฐบาลเศรษฐา”
และการไปดูปัญหา “ฝุ่น”ที่จ.เชียงใหม่ของ “นายกฯเศรษฐา” หันมาเกาะติดกิจกรรมของ “ทักษิณ”และครอบครัว ที่วันนี้ไปกราบไหว้บรรพบุรุษ อันเป็น เหตุผล การปิ๊กบ้านเกิด ในรอบ 17 ปี หากแต่ด้วย “คิวหมาย”ที่แน่นเอี้ยดตลอดวัน และท่วงท่า ที่ปรากฏ มิอาจที่จะไม่ถูกมอง ว่า การควงรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง ไม่แต่ “ผู้กองนัส”หรือ “บิ๊กโจ๊ก”ที่ไปต้อนรับเมื่อวาน ที่ร่วมดูงาน แอ่วเมืองเชียงใหม่ จะเป็นการ “แสดงออกเชิงอำนาจ” ว่า “ศูนย์กลางอำนาจทางการเมือง”อยู่ที่ “ทักษิณ”
ยิ่งปรากฎท่วงทำนองจาก “นายกฯเศรษฐา”ที่มีคิวพบกับ “ทักษิณ”อีกครั้งที่ จ.เชียงใหม่ หลังเคยพบกันที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”มาแล้ว โดยหนนี้ “ทักษิณ”ยอมรับว่า “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”อดีตนายกฯ ที่เป็น “น้องเขย”มีการนัด “นายกฯเศรษฐา” ในขณะที่ตัว “เศรษฐา”เองก็ยอมรับกับ “นักข่าว”ว่า มีโอกาสเห็นภาพ “3นายกฯ”ร่วมเฟรม ที่เชียงใหม่ แม้ยังไม่ได้นัดหมายกัน และ บอกทำนอง ไม่ได้ติดขัดอะไร ที่จะรับคำปรึกษา จากอดีตนายกฯหลายท่าน เพราะแต่ละคน ก็มีความรู้ความสามารถ การที่ใครจะอยู่พรรคอะไร รักใครชอบใคร ก็เป็นสิทธิ์และเป็นเรื่องของบุคคลนั้นๆ ไป แต่ตนมีหน้าที่บริหารบ้านเมือง ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตนก็ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ ถ้าใครมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะดีๆก็รับฟังตลอด”
เรียกว่า แม้ผู้คนในเพื่อไทยตั้งแต่ รัฐมนตรี ยัน ส.ส.เช่น“สุทิน”รมว.กลาโหม ที่ยอมรับว่าขอคิวเข้าพบเช่นกัน จะพยายามบอกเหมือนยอมรับในที ว่า การทัวร์เชียงใหม่ของ “ทักษิณ”เป็นการ “วัดเรตติ้ง”ความนิยมจากประชาชนในเพื่อไทย ที่พบว่ายังได้รับความนิยมสูง โดยปัดว่าเป็นการ โชว์พลังของ นายกฯ 2 คน แต่อยากให้มองในภาพ “ที่ปรึกษา” เพราะ “ทักษิณ” กับ “เศรษฐา” คนละ “เลเวล” แต่ยิ่งใหญ่ทั้งคู่
พร้อมยืนยัน “ทักษิณ” ไม่มีอิทธิพลต่อรัฐบาล แต่หลายฝ่ายรวมถึง “คอการเมือง”ที่ติดตามผ่าน “หน้าปัดข่าว”มองไปในทิศทางเดียวกันว่าการปรากฎตัวของ “ทักษิณ”แต่ละกิจกรรมที่เชียงใหม่แบบ“อดีตนายกฯ”ที่กลับมา “ปิ๊กบ้าน”ไม่ใช่ “นักโทษ”ที่อยู่ระหว่างการ “พักโทษ”ยังเหลือเวลาอีก 6 เดือนกว่าจะครบโทษ
แม้กระทั่ง มูฟเม้นท์การพบกันของ 1 นายกฯกับ2 อดีตนายกฯ นอกจากจะมีกระแสการพูดคุยเรื่อง “ดีลการเมือง”ที่ “นายกฯ”ต้องตัดสินใจในทิศทางสถานะอำนาจตนเอง ยังเป็น หนึ่งใน“สัญญาน”การ “โชว์พาว”ของ “ทักษิณ”ให้ถนน ทุกสายรับรู้ว่า “อำนาจการเมือง”อยู่กับใคร ที่ไหน อย่างที่ นักวิเคราะห์ ประเมินว่าเป็นปรากฎการณ์“อำนาจซ้อนนายกฯ” ในจังหวะงวดใกล้ “ไทม์มิ่งสำคัญ” อันอาจมีผลต่อ “สถานะนายกฯเศรษฐา”ตั้งแต่วันที่ 17มี.ค. ไปจนถึงสัปดาห์หน้า
ที่มี “ปลายทาง”เส้นตายก่อนถึงห้วงเวลา การ หมดวาระของ “สว.”11พ.ค.67 ที่ทุกมูฟเม้นท์มีทั้งเป็นผลบวกและลบกับทั้ง “ทักษิณ”และ รัฐบาลเพื่อไทย
อย่างที่ “อ.สมชัย”โพส FB พาดหัว “สิ่งที่เห็นจากรณี ทักษิณ ปิ๊กบ้านเกิด”ว่า 1. ทักษิณ ไม่ได้ป่วย แข็งแรงมากกว่า คนปกติด้วยซ้ำ เพราะกำหนดการแน่น ตั้งแต่ตีห้า ถึงสองทุ่มโดยแทบไม่ได้พัก คนปกติยังทำแล้วเหนื่อย 2. ทักษิณ อยากให้คนมาพบ ไม่ว่าจะเป็น รัฐมนตรี นักการเมือง ผู้ว่า อธิบดี เพราะการที่คนเหล่านั้นมาพบและบรรยายสรุปด้วยความนอบน้อม ยิ่งเป็นการให้เห็นว่า ยังเป็นผู้มากบารมี
3. คนอยากพบทักษิณ มีตั้งแต่ นักธุรกิจใหญ่ รัฐมนตรี นักการเมืองท้องถิ่น อธิบดีตำรวจใหญ่ ที่ไม่มาพบอาจเป็นทุกข์ ได้พบอาจพ้นทุกข์ กลายเป็นการห้อมล้อมที่เกินงาม และเป็นคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่ 4. การขออนุญาตจากราชทัณฑ์ ในการกลับบ้านไหว้บรรพบุรุษ จึงเป็น event ทางการเมือง เพื่อแสดงถึงบารมีคน เพื่อส่งผลต่อคะแนนนิยมพรรค แต่กว่าจะเลือกตั้งนั้นยังอีกนาน การรีบเปิดตัวน่าจะเป็นลบมากกว่าบวกหรือไม่ ต้องคำนวณเอาเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews