พาณิชย์ ลุยหูหนานชวนนักธุรกิจจีนนำเข้าสินค้าไทย ร่วมลงทุนใน EEC สร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค
นายภัณฑิล จงจิตรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเยือนมณฑลหูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้าวัสดุก่อสร้าง Central China (Changsha) New Building Materials Investment Promotion & Whole House Customization Expo ครั้งที่ 16 และกล่าวสุนทรพจน์ในงาน RCEP Business Forum (Changsha) ครั้งที่ 1
โดยงานแสดงสินค้า Central China (Changsha) New Building Materials Investment Promotion & Whole House Customization Expo เป็นงานแสดงสินค้าวัสดุก่อสร้างและของแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางและภาคใต้ของจีน ในการจัดงานครั้งที่ 16 ครั้งนี้ มีพื้นที่จัดงานมากกว่า 120,000 ตารางเมตร และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานในปีนี้กว่า 220,000 คน
นายภัณฑิลฯ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมงานแสดงสินค้าดังกล่าว ว่า การร่วมงานแสดงสินค้าครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและจีนในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมก่อสร้างโดยจีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนอันดับ 3 ของไทย นอกจากนี้ยังได้ถือโอกาสเชิญชวนผู้ประกอบการ/ผู้นำเข้าจีนมาเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าที่กระทรวงพาณิชย์
โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นผู้จัด เช่นงานที่มีสินค้าเกี่ยวเนื่องอย่างงาน STYLE BANGKOK (วันที่ 20 – 24 มีนาคม 2567) ซึ่งมีสินค้าที่ช่วยเสริมเพิ่มเติมให้แก่ผู้ประกอบการ/ผู้นำเข้าที่มาร่วมงานนี้ ได้แก่ สินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน และเคหะสิ่งทอ ซึ่งสินค้าไทยมีจุดเด่น คือ ฝีมือประณีต มีวัตถุดิบที่แตกต่างและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ผู้ผลิตไทยยังมีความยืดหยุ่นสูงในการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้ออีกด้วย
สำหรับงาน RCEP Business Forum (Changsha) ครั้งที่ 1 นายภัณฑิลฯ กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของประเทศ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจรจาความตกลงการค้าเสรี โดยหวังว่าการเจรจาความตกลงจะช่วยเปิดประตูสู่ตลาดใหม่และเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน โดยเนื้อหาของความตกลง RCEP มีความครอบคลุมและเป็นไปในแนวทางที่เป็นมิตรต่อธุรกิจและการค้า นอกจากนี้ เห็นว่าความตกลง RCEP และข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีน ส่งเสริมซึ่งกันและกัน มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันคือการสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยเองก็ให้ความสำคัญในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศให้เชื่อมต่อกับ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีนอย่างไร้รอยต่อ
ด้านการลงทุนประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยนายภัณฑิลฯ ได้แนะนำเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่รัฐบาลไทยใช้เพื่อส่งเสริมนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” ข้อดีของ EEC ไม่เพียงแต่มีโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ เช่น การขนส่งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศที่เชื่อมต่อไปทั่วโลกเท่านั้น
แต่ยังมีสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 15 ปี การยกเว้นการนำเงินปันผลมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ การใช้เงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการ และสิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินภายในเขต EEC เป็นต้น ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนทุกคนให้เข้ามาลงทุนใน EEC ใช้สิทธิประโยชน์ที่ EEC มอบให้ร่วมกับประโยชน์จากความเชื่อมโยงอันเกิดจากความตกลง RCEP และข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
การค้าระหว่างไทยมณฑลหูหนาน ปี 2566 มีมูลค่าการค้ารวม 2,523.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศไทยเป็นคู่ค้านำเข้าและส่งออกอันดับ 9 ของมณฑลหูหนาน มูลค่าการส่งออกจากไทยไปยังหูหนาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 มูลค่าการนำเข้าของไทยจากหูหนาน 1,355.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 40.47 สินค้าสำคัญที่ส่งออกจากไทยไปยังหูหนาน ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์ยาง 2) เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หม้อไอน้ำ เครื่องจักร เครื่องใช้เครื่องจักรกลและชิ้นส่วน 3) เครื่องใช้ไฟฟ้า และส่วนประกอบอื่น ๆ 4) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง 5) สินแร่ 6) ทองแดง 7) พลาสติกและส่วนประกอบจากพลาสติก
สำหรับงาน RCEP Business Forum (Changsha) ครั้งที่ 1 นายภัณฑิลฯ กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของประเทศ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจรจาความตกลงการค้าเสรี โดยหวังว่าการเจรจาความตกลงจะช่วยเปิดประตูสู่ตลาดใหม่และเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน โดยเนื้อหาของความตกลง RCEP มีความครอบคลุมและเป็นไปในแนวทางที่เป็นมิตรต่อธุรกิจและการค้า นอกจากนี้ เห็นว่าความตกลง RCEP และข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีน ส่งเสริมซึ่งกันและกัน มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันคือการสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยเองก็ให้ความสำคัญในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศให้เชื่อมต่อกับ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีนอย่างไร้รอยต่อ
ด้านการลงทุนประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยนายภัณฑิลฯ ได้แนะนำเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่รัฐบาลไทยใช้เพื่อส่งเสริมนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” ข้อดีของ EEC ไม่เพียงแต่มีโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ เช่น การขนส่งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศที่เชื่อมต่อไปทั่วโลกเท่านั้น
แต่ยังมีสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 15 ปี การยกเว้นการนำเงินปันผลมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ การใช้เงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการ และสิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินภายในเขต EEC เป็นต้น ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนทุกคนให้เข้ามาลงทุนใน EEC ใช้สิทธิประโยชน์ที่ EEC มอบให้ร่วมกับประโยชน์จากความเชื่อมโยงอันเกิดจากความตกลง RCEP และข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
การค้าระหว่างไทยมณฑลหูหนาน ปี 2566 มีมูลค่าการค้ารวม 2,523.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศไทยเป็นคู่ค้านำเข้าและส่งออกอันดับ 9 ของมณฑลหูหนาน มูลค่าการส่งออกจากไทยไปยังหูหนาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 มูลค่าการนำเข้าของไทยจากหูหนาน 1,355.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 40.47 สินค้าสำคัญที่ส่งออกจากไทยไปยังหูหนาน ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์ยาง 2) เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หม้อไอน้ำ เครื่องจักร เครื่องใช้เครื่องจักรกลและชิ้นส่วน 3) เครื่องใช้ไฟฟ้า และส่วนประกอบอื่น ๆ 4) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง 5) สินแร่ 6) ทองแดง 7) พลาสติกและส่วนประกอบจากพลาสติก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews