กรมการขนส่งทางบก คาด ปชช.เดินทางช่วงสงกรานต์ปี 67 เพิ่มขึ้น 4 แสนคน เน้น คุมเข้มความปลอดภัย 3 ระยะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน
วันนี้ (29 มี.ค.67) นางสิริรัตน์ วีรวิศาล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว ที่ประชาชนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่งผลให้มีการใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 นี้
จากสถิติของกระทรวงคมนาคม มีการคาดการณ์ไว้ว่า จะมีการเดินทางของพี่น้องประชาชน ที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้นถึง 400,000 คน จากปีที่แล้ว ที่มีการเดินทางกว่า 1,600,000 คน ในปีนี้คาดว่าน่าจะมีคนเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ประมาณกว่า 2 ล้าน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 23% เพราะฉะนั้นกระทรวงคมนาคม จึงจัดมาตรการคุมเข้มความปลอดภัย ภายใต้ การรณรงค์ที่ว่า “เดินทางทั่วไทย คมนาคม สะดวก ปลอดภัย ใส่ใจบริการประชาชน”
ในการเดินทางของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสำคัญ นั้น กรมการขนส่งทางบก ให้ความสำคัญ ทั้งส่วนของประชาชนที่เดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ และเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่จะเน้นมาตรการคุมเข้มไปที่การเดินทางของพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ด้วยรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งจะมีความสำคัญมาก จึงมีการแบ่งช่วงการดำเนินการตามมาตรการนี้ ไว้ 3 ช่วง
ช่วงแรกคือช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ เริ่มตั้งแต่ วันที่ 4-10 เมษายน เป็นช่วงของการเตรียมความพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเตรียมพร้อมที่สถานีขนส่งต่างๆ จะมีเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก ออกไปตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ ที่ให้บริการรถโดยสารสาธารณะเพื่อให้ตรวจความพร้อมของสภาพรถ และตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
จากนั้นในช่วงของเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 11-17 เมษายน ถือว่าเป็นช่วงที่คุมเข้มมา ก็ มีการตรวจ Checking point การตรวจความพร้อมมีจุดพักรถต่างๆ รวมทั้งการจัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สถานีขนส่ง และจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก ไปตรวจความพร้อม ทั้ง ของตัวรถโดยสาร ให้มีความปลอดภัยตรวจสอบระบบเบรก ระบบ GPS ที่จะดูเรื่องความเร็วของผู้ประกอบการรวมทั้งดูความพร้อมของพนักงานขับรถซึ่งในปีนี้ จะเน้นย้ำเรื่อง ความพร้อมของพนักงานขับรถ
เพราะเมื่อดูจากสถิติอุบัติเหตุส่วนใหญ่ในระยะหลัง เกิดจากความไม่พร้อม ของคนขับรถ จริงๆแล้ว การเดินทางมากขึ้น เที่ยวการเดินรถมากขึ้น ก็กลัวว่าพนักงานขับรถ จะมีความอ่อนเพลีย รวมทั้งต้องตรวจสอบเรื่องของสารเสพติด แม้กระทั่งการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งผู้ให้บริการขับรถสาธารณะ ปริมาณแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์เท่านั้น หากรถและคนไม่พร้อม ก็จะไม่ยอมให้รถโดยสารออกจากสถานีขนส่งอย่างเด็ดขาด
ช่วงที่ 3 คือช่วงวันที่ 18-24 เมษายน ที่จะมีการคุณเข้มมาตรการดูแลความปลอดภัยการเดินทางของพี่น้องประชาชน ที่สถานีขนส่งและสถานประกอบการต่างๆ จะมีการตรวจ GPS ของรถโดยสารตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบความเร็ว และสามารถเช็คชั่วโมงการทำงานของคนขับรถโดยสารสาธารณะ ได้ด้วย เพราะตามที่กฎหมายกำหนดคือ เมื่อขับรถไป 4 ชั่วโมง จะต้องมีการหยุดพัก 30 นาที และขับต่อได้อีก 4 ชั่วโมงและพักอีก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในช่วง 1 วันต้องไม่เกิน 10 ชั่วโมง ซึ่งพนักงานขับรถเองจะต้องรูดใบขับขี่ผ่าน GPS ซึ่งจะสามารถตรวจเช็คได้เลยว่าผู้ขับขี่นั้นขับขี่รถตรงตามประเภทหรือไม่ ใบขับขี่สิ้นอายุแล้วหรือยัง เ พราะทุกครั้งที่มีการตรวจ สอบใบขับขี่ ก็จะมีการตรวจสอบสมรรถนะ ของคนขับ ว่ามีความพร้อมและมีสามารถในการขับขี่ต่อไปได้หรือไม่
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทุกครั้งที่ผ่านช่วงเทศกาล ก็จะมีการตรวจสอบสถิติเรื่องของอุบัติเหตุ แต่จริงๆ ก็จะมีการตรวจสอบเป็นประจำแทบจะทุกเดือนอยู่แล้ว ว่า อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น หรือลดลงมากน้อยอย่างไร และเพิ่มขึ้นด้วยสาเหตุอะไร เรามีหน่วยที่จะไปตรวจสอบสาเหตุของอุบัติเหตุเชิงลึกด้วย ซึ่งทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไร กรมการขนส่งทางบกจะไปวิเคราะห์ ว่าสาเหตุเกิดจากรถหรือคนขับ ถ้ารถมีปัญหาข้อบกพร่องอย่างไร เราก็จะนำมากำหนดมาตรการคุมเข้มต่อไป
อย่างไรก็ตาม ได้ฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนหรือผู้โดยสาร ที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ และพบเจอปัญหา ไม่ได้รับความสะดวกสบายหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถติดต่อร้องเรียน หรือแจ้งปัญหาข้อขัดข้องได้ที่ กรมการขนส่งทางบก เพราะมีส่วนคุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ สามารถติดต่อได้ 24 ชั่วโมงที่ หมายเลขสายด่วน 1584 หรือสามารถร้องเรียนผ่าน Facebook ของกรมการขนส่งทางบกได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีการตั้ง ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะชั่วคราวที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews