Home
|
ข่าว

“ประเสริฐ”ควง”ผบช.สอท.”ขีดเส้นสางภัยออนไลน์ใน30วัน

Featured Image

 

 

“ประเสริฐ” ควง “ผบช.สอท.”เปิดแนวทางสางปัญหาภัยออนไลน์ตามคำสั่งนายกฯ 30 วันต้องเห็นผล เร่งถกแบงก์ปมบัญชีม้า-ตัดเสาสัญญาณอินเตอร์เน็ต หลังพบถูกลักลอบใช้ผิดกฎหมาย

 

 

ที่อาคารรัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมแถลงข่าวภายหลังประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาคอลเซนเตอร์และการปราบปรามบัญชีม้า รวมถึงเว็บพนันตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี

 

โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการมาที่กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สอท. ให้มีการปฏิบัติการและบูรณาการร่วมกันในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ ประกอบกับเมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) ฝ่ายค้านได้อภิปรายถึงเรื่องดังกล่าว เพราะฉะนั้นเพื่อให้การดำเนินเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ต้องดำเนินการให้เห็นผลภายใน 30 วัน วันนี้จึงได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงดีอี และ สอท. พร้อมมีข้อสรุปเป็นแผนปฏิบัติการกวาดล้างภัยออนไลน์ โดยกระทรวงดีอี จะบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ประกอบด้วย คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) – ธนาคาร – สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) – สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) – กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจัดการซิมม้าและบัญม้าทั้งหมด ซึ่งให้นำข้อมูลทั้งหมดมารายงานที่ประชุมในวันที่ 9 เม.ย.นี้ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูลมา

 

ขณะเดียวกันเรื่องต่อมาที่ประชุมได้มีแผนปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซีโอดี คือการซื้อของไม่ตรงปก ให้มีการชะลอการจ่ายเงินก่อน ก่อนที่ผู้ซื้อตรวจสอบสินค้าให้แน่ใจก่อนจ่ายเงินด้วย ส่วนเรื่องรูปแบบการกู้ยืม (Peer to Peer) จะต้องประสานกับ ก.ล.ต. ในการดำเนินการเรื่องการโอนเงินที่จะเปลี่ยนไปในเรื่องคริปโตฯ หรือสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ

 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญคือเรื่องระเบียบเกี่ยวกับการส่งเอสเอ็มเอส ซึ่งขณะนี้พบว่าประเทศไทยมีข้อมูลการส่งเอสเอ็มเอสจำนวนมาก และหลายข้อมูล เป็นกลุ่มมิจฉาชีพ อีกทั้งยังมีเรื่องการเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งต้องมีการคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย และโครงข่ายธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดในเรื่องของการเปิดบัญชีออนไลน์ ซึ่งวันนี้พบว่าบัญชีม้าที่ใช้กระทำความผิดเป็นบัญชีออนไลน์ส่วนใหญ่ และวันนี้จากการสืบทราบคนที่เปิดบัญชีม้าออนไลน์มีกว่า 20 บัญชี ฉะนั้นต้องมีการกำหนดให้เปิดบัญชี หากพบว่าคนหนึ่งเปิดเกินความจำเป็นต้องมีการตรวจสอบ

 

สำหรับเรื่องการดำเนินการตัดเสาสัญญาณอินเตอร์เน็ต เรื่องนี้จะเป็นความร่วมมือระหว่าง กสทช. ตำรวจ และทหาร รวมถึงกระทรวงดีอี ในการเดินหน้ากวาดล้างตามแนวตะเข็บชายแดน ขณะเดียวกันยังได้ประสานงานประเทศเพื่อนบ้าน เจรจาให้ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนที่ติดกับเรา หรือแม้กระทั่งประเทศจีนที่ได้รับผลกระทบปัญหานี้เช่นเดียวกัน

 

ทั้งนี้ให้ สอท. เข้ารายงานแผนการปราบปรามทุกสัปดาห์ ให้ทางดีอี และส่วนที่เกี่ยวข้องรับทราบว่าดำเนินการ มาแผนจับกุมตัวเล็กตัวกลางตัวใหญ่อย่างไร สุดท้ายหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายใดร่วมกันกระทำความผิด หรือสนับสนุนกลุ่มมิจฉาชีพไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง จะดำเนินการทั้งทางอาญา และทางวินัยอย่างเด็ดขาด

 

ส่วนจำนวนเสาสัญญาณที่อยู่ตามบริเวณชายแดน นายประเสริฐ ระบุว่า ก็พบว่ายังมีอยู่ เพราะหลังจากที่ได้ปราบปรามไปแล้ว เสาเถื่อนก็มาลงใหม่อีก แต่อย่างไรก็ตามครั้งนี้เราจะดูทั้งหมดตามแนวชายแดน เราจะเอาทหาร ตำรวจ ร่วมกับ กสทช. ลงไปดำเนินการ

 

ส่วนจะต้องพูดคุยกับทางโอเปอเรเตอร์ หรือไม่ นายประเสริฐ ระบุว่า ก็ต้องคุยกัน ซึ่งวันที่ 9 เม.ย.นี้ ก็จะมีการคุยกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะเอาจากข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี และสิ่งที่ได้รับจากการอภิปรายในสภาไปดำเนินการ ดังนั้นยืนยันว่า หลายหลายสิ่งหลายอย่างทั้งซิมก็ดี เสาสัญญาณก็ดี เรื่องอินเตอร์เน็ตต่างๆ ก็ดี หากพบว่ามีการลักลอบใช้แบบผิดกฎหมายนั้น ”ตัดทันที“

 

ด้านพล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ เชิญตำรวจ สอท. มาประชุมในวันนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการชัดเจนเมื่อวันที่ 1 เม.ย.นี้ ให้ร่วมปฏิบัติการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะผู้กระทำความผิดรายใหญ่ โดยรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ ได้ออกคำสั่งให้ระดมกวาดล้างเว็บไซต์และการพนันออนไลน์ทั้งหมด

 

ส่วนทาง สอท. ได้มีการประชุมเพื่อเตรียมแผนดำเนินการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวเล็ก ตัวกลาง ตัวใหญ่ แล้วจะรายงานผลปฏิบัติทุกสัปดาห์ โดยผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ส่วนระยะเวลา 30 วันในการจับกุมรายใหญ่เพียงพอหรือไม่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า นโยบายของนายกรัฐมนตรี เราก็ต้องพยามเต็มที่และคิดว่าสามารถทำได้

 

เมื่อถามว่ากดดันหรือไม่เพราะมีระยะเวลา 30 วัน พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราทำงานร่วมกันอยู่แล้ว แต่เมื่อนายกให้กรอกเวลามา เราก็ต้องเอากรอบเวลาเพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการทำงาน

 

เมื่อถามต่อว่าการออกหมายจับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นการสนองนโยบายนายกรัฐมนตรี ที่ขีดเส้นใต้ 30 วันหรือไม่ พลตำรวจโทวรวัฒน์ ระบุว่า ไม่เกี่ยวกับตน พร้อมยืนยันว่าไม่เกี่ยวกันเพราะประเด็นนั้นเป็นเรื่องของคณะกรรมการ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่

 

ส่วนได้มีการพูดคุยกับทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือไม่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า ไม่ หากพูดคุยก็เหมือนเป็นการไปฮั้วกัน ซึ่งตรงนั้นเป็นเรื่องของคณะกรรมการตรวจสอบ

 

เมื่อถามต่อว่า หลังจากนี้หากมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.ต.ท.วรวัฒน์ ย้ำว่า เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ระบุ และด้วยจากการที่รัฐมนตรีดิจิทัลฯ และนายกรัฐมนตรีกำชับ ก็คงไม่มีใครกล้า เมื่อถามต่อว่าที่เปิดเผยว่ามีข้อมูลรายใหญ่และรายเล็ก พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ขอให้รอดู ส่วนรายใหญ่มีชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รวมอยู่หรือไม่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ รีบปฏิเสธทันที พร้อมกับระบุว่า อย่านำไปโยง

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube