10 เมษายน 2567 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ญาติวีรชน เมษา-พฤษภา 53 และคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 และคนเสื้อแดง จัดงานรำลึกและทวงความยุติธรรม ครบรอบ 14 ปีสลายชุมนุมคนเสื้อแดง ที่แยกคอกวัว
ซึ่งวันนั้น มีทหารและพลเรือนบาดเจ็บ 863 ราย เสียชีวิตรวม 24 ราย กลุ่มนปช. 18 ราย ทหาร 5 นาย และ1ใน5 คือ พล.อ. ร่มเกล้า ธุวธรรม แต่ถ้านับการสลายเสื้อแดงในปี 2553 นั้นมีผู้เสียชีวิต 99 ศพ และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า2,100ราย
โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีตัวละครมากมาย แต่ที่สำคัญ ประมาณ 6 ราย คนแรก” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เลขาธิการ นปช. ในขณะนั้น ต่อมา ณัฐวุฒิ เคยกล่าวว่า”ทุกคืนวันที่ 10 เม.ย. ตั้งแต่ปี 2553 ผมไม่เคยหลับลงง่ายๆ เสื้อแดงตัวนั้นของผมมันเปียกไปหมด ไม่ใช่เหงื่อ เปียกน้ำตาประชาชนที่วิ่งมากอด มาร้องหลังเวที ผมเคยพูดหลายหน ในชีวิตคนคนหนึ่งไม่มีอะไรหนาวเท่าหนาวน้ำตาประชาชนอีกแล้ว”ปัจจุบัน ณัฐวุฒิ เปิดร้านอาหาร และเว้นระยะห่างจากเพื่อไทยมาระยะหนึ่งแล้ว
คนต่อมา”จตุพร พรหมพันธุ์ ” เคยขึ้นถึงประธานนปช. มาแล้ว ชีวิตโลดโผน ติดคุกมาแล้ว 5 รอบ เคยรักศรัทธา ทักษิณ แบบถวายหัว ต่อมาเปิดวอร์ถล่มนายเก่า เขาเคยโพสต์ว่า ” ขอสดุดีวีรชนทุกชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้สูญสิ้นอิสรภาพทุกชีวิต ท่านคือพลังแห่งความเปลี่ยนแปลง ท่านนำพาสู่คำว่า ประชาชนเมื่อลุกขึ้นสู้แล้ว ชีวิตมันเป็นเรื่องเล็ก จุดยืนอุดมการณ์ จิตวิญญาณมันเป็นเรื่องใหญ่ ” ในปัจจุบัน จตุพรยังคงเคลื่อนไหววิพากษ์สังคม การเมืองต่อเนื่อง
คนต่อมา “วีระกานต์ มุสิกพงศ์” อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แดงทั้งแผ่นดิน อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง โดย”วีระกานต์”เข้าร่วมกับเสื้อแดงตั้งแต่ยังเป็นกลุ่มนปก. เมื่อปี2550 ต่อเนื่องจนได้เป็นผู้นำของคนเสื้อแดง จากนั้นก็ลดบทบาทตามวัยที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงไปงานรำลึกทุกปี
มาที่ตัวละครฝั่งรัฐบาลขณะนั้น คนแรก”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า”นายกฯ มือเปื้อนเลือด”เป็นผู้นำประเทศในช่วงสงคราม”ไพร่-อำมาตย์”และผลิตซ้ำประโยคอย่าง”กองกำลังติดอาวุธ-ชายชุดดำ-ผู้ก่อการร้าย” ต่อเนื่องด้วย “ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่” สู่ “ปฏิบัติการกระชับวงล้อม” ก่อนจะมีฉากสุดท้าย”เผาบ้านเผาเมือง” จากนั้นมา อภิสิทธิ์ก็เริ่มขาลงทางการเมือง จนต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคสีฟ้า และออกจากพรรคเก่าแห่งนี้ ไปพร้อมๆกับความตกต่ำของพรรค
คนต่อมา “เทพเทือก-สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในขณะนั้น “ไทยรัฐออนไลน์”รายงานว่า “โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งหน่วยงานพิเศษ ‘ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน’ หรือ ศอฉ. ขึ้นมา โดยมี สุเทพ เป็นผู้อำนวยการการ ‘ขอคืนพื้นที่’ หรือปฏิบัติการสลายการชุมนุมภายใต้คำสั่งของ ศอฉ. ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 20 กว่าราย และศาลมีคำสั่งในหลายคดีว่า กระสุนมาจากฝั่งทหาร” ในปัจจุบัน เทพเทือก แทบไม่มีบทบาทในสังคมอะไรเลย
คนต่อมา “พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รมว.กลาโหม รองผ.อ.ศอฉ.ในขณะนั้น โดยการสลายม็อบวันที่ 10 เมษายน ฝ่ายรัฐบาลออกคำสั่งลับเรียกใช้บริการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ซึ่งมีชื่อเรียกขานว่า “บูรพาพยัคฆ์” เพราะเชื่อว่า “สั่งง่าย” กว่าหน่วยอื่น เนื่องจากทั้ง บิ๊กป้อม รมว.กลาโหม บิ๊กป๊อก ผบ.ทบ. บิ๊กตู่ รอง ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ล้วนเป็นทหารจาก “บูรพาพยัคฆ์” และในปัจจุบัน แม้บิ๊กป้อมยังคงเป็นหัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ แต่ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรมากแล้ว
“ไทยรัฐออนไลน์” เคยทำสกู๊ปไว้ว่า “การสลายคนเสื้อแดงปี 53 ทำให้ อภิสิทธิ์ สุเทพ ถูกฟ้องแต่ถูกตีตกและยกคำร้อง จนทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ผู้มีส่วนร่วมในปฏิบัติการขอคืนพื้นที่หลายคนคือผู้มีอำนาจ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ , พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ทำให้คดีความต่างๆ ล่าช้าอย่างยิ่ง
สุดท้าย ตัวละครเหล่านี้ ในปัจจุบัน บางคนก็โลว์โปรไฟล์ บางคนก็ยังเคลื่อนไหวตามอุดมการณ์ความเชื่อของตนเอง แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานเท่าไร วันที่ 10 เมษายน 2553 ยังคงเป็นอีกหนึ่งวันประวัติสาสตร์ ทีมีทั้งบาดแผล หยดเลือด คราบน้ำตา และความสูญเสีย จากการห่ำหั่นกันเองของคนในชาติเดียวกัน!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews