วันนี้ นายเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย กรรมการ บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ได้เดินมา ให้ปากคำ กับ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) และพนักงานสอบสวน กรณี พบ กากแคดเมียม ซุกเพิ่มกว่า 3,378 ตันที่บริษัท เจ แอนด์ บีฯ จังหวัดสมุทรสาคร หลังปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่ตรวจสอบ เผยโรงงานแห่งนี้มีกากแคดเมียมซุกซ่อนกว่า 6,378 ตัน
โดย พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายเจษฎา เผยว่า กากแคดเมียมมีสัญญาเป็นสัญญาซื้อขาย ระหว่าง เบาด์ แอน บียอนด์ และบริษัทเขา ซึ่งในรายละเอียด ระบุว่าขายตามลำดับ กิโลกรัมล่ะ 1 บาท 25 สตางค์ ซึ่งในสัญญาระบุว่า เบาด์ แอน บียอนด์ เป็นผู้ก่อกำเนิดและเป็นผู้ขาย
ส่วนบริษัท เจ แอนด์ บีฯ เป็นผู้ซื้อ และเป็นผู้รับกำจัด แต่ในสัญญา ระบุว่า เป็นการซื้อขายกากแคดเมียม กากสังกะสี ต้องตรวจสอบอีกทีว่าเป็นการซื้อขายหรือเป็นการกำจัด ซึ่งทางบริษัท จะส่งออกกากแคดเมียม ไปที่ลาว เพื่อที่จะขายต่อ จะมีคนจีนรอรับซื้อ เนื่องจากสามารถแยก กากแคดเมียม สังกะสี หรือ ทองแดง เขาพยายาม อนุสัญญาบาเซล ขออนุญาตจากโรงงานอุตสาหกรรม
ซึ่งเกิดเหตุก่อน เลยไม่สามารถ ทำอนุสัญญาบาเซล และยังไม่ได้ส่งกากแคดเมียม ไปที่ลาว และสาเหตุที่ต้องส่งไปที่ลาวเนื่องจาก มีการ ทำอนุสัญญาบาเซล มีอุปกรณ์ เครืองมือ เครื่องจักร ในการกำจัด ที่ซื้อมา จากประเทศอังกฤษ
สำหรับการนำไปขายต่อถือว่าผิดวัตถุประสงค์สัญญาจากบริษัทต้นทาง เพราะเป็นใบอนุญาตกำจัดแคดเมียม และอลูมิเนียม แต่กลับนำมาขายต่อ ซึ่งตามปกติไม่สามารถนำมาขายต่อได้ โดยได้แจ้งข้อหา นาย เจษฎา 4 ข้อหา คือ ที่ตั้งบริษัท เจแอนด์บี 132 หมู่ 2 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน
ทั้งนี้ หากมีข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนรู้เห็น บก.ปปป. จะรับไปดำเนินการต่อไป ควบคู่กับคดีอาญา พร้อมยืนยันว่า นายเจษฎา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกัน ไม่มีส่วนร่วมในการเมือง แยกกันออกมา 10 กว่าปีแล้ว และยังไม่มีข้อมูลว่า นายเจษฎา จ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด ซึ่งหากตรวจพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงใครบ้างจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วน บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) จะต้องมีส่วนรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้ก่อมลพิษ
ต่อมานาย นายเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย กรรมการ บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด เปิดใจต่อสังคม หลังสอบปากคำเสร็จ ว่า ตนเองมีการทำสัญญาเพื่อซื้อแร่สังกะสี แต่ว่ามีกากแร่แคดเมียมปะปนเข้ามา ส่วนที่ซื้อมานั้น เพราะโรงงานต้นทางที่ทะลุงแร่ในครั้งนั้นมีการฝังกลบและโรยปูนขาวและปูนพอตแลนต์ลงไปทำให้ปริมาณความเข้มข้นของกากแร่แคดเมียมนั้นลดลง
จึงสามารถซื้อขายได้ และกากแร่ที่ตนครอบครองมีทั้งหมด 13,800 ตัน และมีกากแร่แคดเมียมผสมอยู่เพียง 38% เท่านั้น จากการที่กรมวิทยาศาสตร์นำแร่ในโรงงานไปเทส อีกทั้ง แคดเมียมไม่ใช่แคดเมียมบริสุทธิ์ เป็นเพียงกากแร่แคดเมียมผสมเท่านั้น ซึ่งยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ เพราะเมื่อเทียบกับปริมาณที่จะส่งผลอันตรายต่อมนุษย์นั้นต้องสูงถึง 100 -150 %
ตั้งแต่มีข่าวปรากฎสื่อหลายช่องมีการนำเสนอทำให้เกิดความเข้าใจผิดถึงโทษและพิษภัยของกากแคชเมียมที่รุนแรงเกินความเป็นจริง ซึ่งประเด็นนั้นทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง
สุดท้ายนี้ตนอยากจะฝากถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบว่า สารแคดเมียม ไม่ได้อันตรายอย่างที่สื่อลงข่าวไป ทุกคนปลอดภัยแน่นอน เพราะสารแคดเมียม ในถ่านไฟฉายก็มี แบตเตอรี่รถยนต์ก็ยังมี เพราะฉะนั้นอย่าไปตกใจว่า จะอันตรายต่อชีวิต
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
