เสวนา The Next Chapter: เจาะลึกบทใหม่ ของโลกในเดิม “สุดารัตน์” จี้รัฐแก้ไขโครงสร้างของประเทศที่ยังมีปัญหา “สุรเกียรติ์” แนะแบ่งมาจากดิจิทัล มายกเครื่องการเรียนรู้ของประชาชน
สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการเสวนา ”The Next Chapter: เจาะลึกบทใหม่ ของโลกในเดิม” ค้นหาทางออกของภาคธุรกิจในการรับมือ Disruption 3 ประเภท ทั้ง เทคโนโลยี, สังคมสูงอายุ และสภาพแวดล้อม ที่ทุกองค์กรไม่เตรียมพร้อมไม่ได้
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานหลักสูตร Mission We ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เห็นว่า รัฐบาล ควรจะต้องแก้ไขโครงสร้างของประเทศ ที่ยังมีปัญหาก่อน ทั้งปัญหาด้านการศึกษา สังคมสูงอายุ อัตราการเกิดน้อย ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ
ซึ่งจะกระทบต่อ GDP ของประเทศโดยตรง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบเวียดนาม กัมพูชาแล้ว สามารถสร้าง GDP ได้ 6% แต่ของไทยกลับต่ำสุดในอาเซียน เพียง 2% กว่า ๆ และปัญหาสภาพภูมิอากาศ ที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นจะเป็นปัญหาใหญ่ กระทบต่อสภาพแวดล้อมไทย เช่น ทะเลตรังที่เกิดปะการังฟอกขาว และปลาทะเลจะลงไปอยู่ในน้ำลึกมาขึ้น ทำให้การจับปลาได้น้อยลง แนวปะการังจะลดลง และทำให้เกิดภัยแล้งหนัก และน้ำท่วมอย่างรุนแรง เช่น เหตุการณ์อุทกภัยในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ดังนั้น ผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และการเชิญนักลงทุนต่างประเทศมาลงทุน แต่ยังไม่ได้แก้ไขปัญหาภายในประเทศ จึงเชื่อว่า การลงทุนใหม่จะเกิดน้อย แต่ก็ยังได้ประโยชน์จากภูมิศาสตร์ทางการเมือง ที่ทำให้นักลงทุนมาลงทุนในเอเชียเพิ่มขึ้น แต่ไทยอาจจะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่เป็นเวียดนาม อินโดนีเซีย หรือมาเลเซีย ที่มีความพร้อมในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศมากกว่าไทย
ดังนั้น หากไทยยังแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะหน้า หรือ การแจกเงิน, การพักหนี้ แต่ไม่เลือกแก้โครงสร้างประชากรสูงวัย ปัญหาการศึกษา ปัญหาเทคโนโลยี หรือสภาพภูมิอากาศ ก็ยากที่จะทำให้ประเทศไทย สามารถสร้าง GDP ที่ยั่งยืนได้
คุณหญิงสุดารัตน์ เห็นว่า รัฐบาล ควรพัฒนาคน ซึ่งใช้งบประมาณน้อย แต่สามารถสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศได้ทุกด้าน เช่น ประเทศไทยเป็นสังคมสูงวัย ก็จะต้องช่วยให้ผู้สูงอายุ แข็งแรง และมีงานทำ ผ่านการ Re-Skill, Up-Skill และ New Skill เพื่อให้ผู้สูงอายุมีรายได้ และเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
ส่วนคนวัยกลางคน ที่มีฐานะ ก็จะต้องส่งเสริมให้มีบุตร ส่วนคนที่มีฐานะยากจน ก็จะต้องมีสวัสดิการดูแลตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนคลอดออกมาถึง 6 ขวบ รวมถึงการนำเข้าพนักงาน และแรงงานที่มีฝีมือ เพื่อดึงดูดคนมีฝีมือเข้ามาทำงาน กระบวนการขอวีซ่า และการขอในอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานต่างประเทศ จะต้องสะดวกขึ้น เพื่อให้พนักงาน และแรงงานสามารถทำงานได้ในระยะยาว มีสวัสดิการรองรับ โดยเชื่อว่า หากรัฐบาลมีการลงทุนในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง 3 ปี ก็จะเห็นผล
ขณะนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่า สงครามสมัยใหม่ และสงครามตามรูปแบบ หรือ Conventional Wars เกิดขึ้นพร้อมกัน และส่งผลต่อเศรษฐกิจ ทั้งไกลประเทศไทย และใกล้ประเทศไทย ดังนั้น ทุกภาคส่วนในไทยจะต้องเตรียมตัว อย่างเช่นสถานการณ์ในเมียนมา กลายเป็นเรื่องภูมิศาสตร์การเมือง หรือ GEO Politics ไปแล้ว เพราะไม่ใช่แค่ปัญหาภายในเมียนมาเท่านั้น เพราะจีน ก็เข้ามามีบทบาท แทรกแซงรัฐทางเหนือของเมียนมา ที่มีมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันกับจีน
ซึ่งในอดีตรัฐบาลไทย ประสานรัฐบาลเมียนมา อาจจะได้ต้องสรุป แต่ปัจจุบัน อาจจะต้องประสานกับหลายกลุ่มในเมียนมา ที่มีหลากหลาย ดังนั้น จึงเชื่อว่า สงครามแบบใหม่ และสงครามตามรูปแบบ ที่เกิดขึ้นในยุคนนี้ และมีความเชื่อมโยงกัน เพราะส่งผลกระทบทางศรษฐกิจ เช่น เหตุการณ์ในเมียนมา ก็กระทบต่อการค้าขายแดนแม่สอด ทำให้นักธุรกิจต้องหาช่องทางการขนส่ง
ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย และคาดว่า สถานการณ์ จะยังยืดเยื้อไปอีกนาน และจะส่งผลกระทบต่อไทย ทั้งจำนวนผู้ลี้ภัย, อาวุธที่ข้ามฝั่งมา, ปัญหายาเสพติด หรือแม้แต่ก่อนหน้านี้ ที่หลายประเทศประกาศ Sanction รัสเซีย ก็ส่งผลกรทบต่อราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งหากไทยไม่ขึ้นดอกเบี้ย ก็จะทำให้เงินไหลออก และค่าเงินอ่อน ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานไทยด้วย
นายสุรเกียรติ์ ยังมองว่า ปัญหาการศึกษาไทย หลักสูตรยังติดปัญหาเชิงโครงสร้าง บริหารด้วยกฎหมาย รัฐบาลจึงควรใช้งบประมาณ หรือแบ่งมาจากงบประมาณ 560,000 ล้านบาท (โครงการดิจิทัลวอลเล็ต) ประมาณ 100,000 ล้าน มายกเครื่องการเรียนรู้ของประชาชนให้เพิ่มทักษะได้
เพื่อให้ประชาชน ทันโลกในยุค Disruption ไม่จำเป็นจะต้องเรียนให้ครบ 4 ปี แล้วเรียนจบเริ่มทำงาน แต่อาจจะปรับเปลี่ยนเช่น เรียน 1 ปี และไปทำงาน 2 ปี หรือเมื่อกลับมาเรียนแล้ว สามารถนำหน่วยกิตย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่นได้ เป็นต้น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยรั้งท้ายอาเซียน พร้อมเห็นว่า ผู้นำรัฐบาล จะต้องวัดสัญญาณในอนาคตให้ได้ เพื่อให้ภาคเอกชนได้เตรียมตัว และวางแผนการบริหาร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews