รัฐบาลประเดิมขายข้าวอินโดนีเซีย ล็อตแรก 55,000 ตัน เริ่มเดือน เม.ย.67 สั่งกรมการค้าต่างประเทศ ลุยเดินหน้าเจรจาขายข้าวต่อเนื่อง มุ่งยกระดับราคาข้าวไทยทั้งระบบ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากความพยายามของภาครัฐและเอกชนไทยที่จะขายข้าวเพื่อให้มีตลาดมารองรับและช่วยยกระดับราคาข้าวเปลือกให้แก่เกษตรกรไทยในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก แม้ว่าบางช่วงเวลาข้าวไทยอาจแข่งขันได้ยากเนื่องจากราคาสูง แต่เพราะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ตลอดจนการสนับสนุนข้อมูลจากสมาคมโรงสีข้าวไทย จนในที่สุดรัฐบาลไทยและรัฐบาลอินโดนีเซียก็สามารถตกลงซื้อขายข้าวล็อตแรก ปริมาณ 55,000 ตัน โดยจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนเมษายน 2567เป็นต้นไป
โดยการซื้อขายข้าวครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์อันดี และสานต่อความร่วมมือทางการค้าข้าวอันยาวนานระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมสั่งลุยเดินหน้าเจรจาขายข้าวไทยต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวไทยแล้ว ยังส่งผลดีต่อราคาข้าวไทยทั้งระบบอีกด้วย
นายภูมิธรรมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้สำเร็จนั้นนับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการจัดหาข้าวส่งมอบต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนประกอบกับรัฐบาลอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคาในการพิจารณานำเข้าข้าวเป็นหลัก ดังนั้น ช่วงที่ราคาข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้นก็จะแข่งขันในตลาดได้ยากขึ้น แต่ตนเชื่อว่าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยได้ร่วมด้วยช่วยกันและทำงานกันอย่างใกล้ชิด โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ ช่วยกันขายข้าวไทย เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ เกษตรกร และอุตสาหกรรมข้าวไทย
นอกจากนี้ ตนยังได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ เดินหน้าเจรจาซื้อขายข้าวกับอินโดนีเซีย ตามที่นายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) และประธานาธิบดีอินโดนีเซีย (นายโจโก วิโดโด) ได้หารือกันไว้ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน – ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงติดตามสถานการณ์ตลาดและราคาข้าวโลกอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และขยายตลาดข้าวไทยในทุกรูปแบบ ทั้งการซื้อขายข้าวแบบ G to G
ซึ่งเป็นการค้าข้าวเสริมจากการขายข้าวของภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น P to G หรือ P to P ตามนโยบาย รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ในการส่งออกไปต่างประเทศ กับประเทศคู่ค้าต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดข้าวไทย และตอกย้ำจุดยืนไทยในฐานะหนึ่งในผู้นำการส่งออกข้าวคุณภาพดี และเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารของโลกต่อไป
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะบุกตลาดเดิมและตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ตลาดข้าวพรีเมียม ในสหรัฐฯ เซเนกัล จีน ฮ่องกง ซาอุดีอาระเบีย ข้าวขาว ในฟิลิปปินส์ อิรัก ญี่ปุ่น มาเลเซีย ข้าวนึ่ง ในแอฟริกาใต้ เบนิน ไนจีเรีย บังกลาเทศ และข้าวเพื่อสุขภาพ ในสหภาพยุโรป ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของข้าวไทย และผลักดันให้มีการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสมาคมโรงสีข้าวไทยที่ร่วมมือกันสนับสนุนข้อมูลด้านการผลิต การบริโภค การส่งออก และราคาข้าว ให้กระทรวงพาณิชย์ใช้ประกอบการพิจารณาขายข้าวที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน
นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2567เป็นต้นมา ภาคเอกชนไทยยังชนะการประมูลสำหรับการนำเข้าข้าวขาว 5% ของอินโดนีเซียกว่า 4 แสนตันอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ข้าวขาวไทยยังเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศนอกเหนือจากข้าวหอมมะลิไทย และมีแนวโน้มที่จะมีคำสั่งซื้อข้าวชนิดดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้น
จากข้อมูลสถิติกรมศุลกากรและตามใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ ในปี 2567 ระหว่างมกราคม – 22 เมษายน ไทยส่งออกข้าวแล้วปริมาณ 3.06 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 70,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่ส่งออกปริมาณ 2.48 ล้านตัน มูลค่า 45,975 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.39 และ 53.82 ตามลำดับ หากสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยยังมีทิศทางที่ดีเช่นนี้ โดยราคาข้าวไทยยังคงปรับตัวอยู่ในระดับที่แข่งขันได้เช่นในปัจจุบัน รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยเพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคและการซื้อข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งปีจะทะลุเกินเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตัน อย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews