Home
|
ข่าว

ไฟไหม้ลามรัฐบาลเศรษฐา?

 

 

เหมือนจะต้อนรับ “ครม.เศรษฐา1/2”ในเชิง “ท้าทายระบบ”กับเหตุไฟไหม้ถี่ยิบอัน “ผิดปกติธรรมดา”ในช่วงนี้โดยเฉพาะเป็นเหตุเพลิงไหม้ในท่วงทำนองที่ถูกจับตาว่าเป็นการ “ทำลายหลักฐาน”ที่จะเชื่อมโยงพันตูผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชนหรือไม่

 

 

 

 

 

ไม่แต่เหตุการณ์ไฟไหม้สำนงานเจรตำรวจหรือ ล่าสุด กับเหตุเพลิงไหม้ซ้ำซ้อนโกดังเก็บสารเคมีอันตรายที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยาเมื่อวาน(1พ.ค.)
ที่ถูกมองความเชื่อมโยง เหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานสารเคมีอันตรายที่จ.ระยอง ไม่แต่เท่านั้นจู่ๆยังมีการแจ้งว่า “ลาออก” ของ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม ระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) อุตสาหกรรม เมื่อวาน(1พ.ค.)

 

 

ซึ่งมีระเบียบวาระพิจารณากรณีการขนกากแร่แคดเมียม ของ “บริษัทเอกชนรายใหญ่”และกรณี การติดตามการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ไฟไหม้ โกดังเก็บกากอุตสาหกรรมและสารเคมี จังหวัดระยอง โดย “นายจุลพงษ์”บอกต่อ กมธ. ในช่วงท้ายของการประชุม ว่า หลังจากนี้ ตนคงไม่สามารถดำเนินการให้ได้แล้ว เพราะตนได้ยื่นหนังสือลาออก กับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมไปแล้ว

 

 

 

โดยมีรายงานว่า “นายจุลพงษ์”ถูกแรงกดดันจาก รมว.อุตสาหกรรม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ไม่พอใจต่อการทำงาน ต้องการย้าย นายจุลพงษ์ โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า หลังจากก่อนหน้านี้(27เม.ย.) เมษายน ระหว่างลงพื้นที่ร่วมกับ “นายกเศรษฐา”และ “น.ส.พิมพ์ภัทรา” ได้ถูกนายเศรษฐาตำหนิว่าลงพื้นที่เกิดเหตุล่าช้า ที่เหตุการณ์ต่อเนื่องเรื่องไฟไหม้

 

 

ทำให้วันนี้ “โฆษกชัย”ออกมาบอกว่า “นายกนิด”สั่งการ ทุกหน่วยสนับสนุนการดับไฟและบรรเทาสถานการณ์ไฟไหม้โกดังสารเคมี อย่างเต็มที่ รวมทั้งตรวจสอบสารเคมีตกค้าง และอพยพประชาชนใกล้เคียง และสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าทีมและช่วยเหลือดูแลประชาชน

 

 

น่าสนใจอีกว่า ประเด็น “ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี”ที่ อ.ภาชี หนนี้มีการฟันธงจาก กรรมการธิการ อุตสาหกรรมโดย “อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์” สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กำลังมีการตรวจสอบ เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยองว่าทั้งกรณี เหตุการณ์ ที่จ.ระยอง และ อยุธยา 2 เหตุการณ์มีความเชื่อมโยงกัน มีเจ้าของกลุ่มเดียวกัน

 

 

โดย “อัครเดช”บอกว่า กมธ.เคยลงพื้นที่ไปศึกษาหน้างานที่ อ.ภาชี มาแล้วเมื่อต้นปีหลังได้รับการร้องเรียนจาก สส.ในพื้นที่พบว่ามีการเก็บสารอันตรายเป็นจำนวนมาก โดยเก็บไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมโรงงานฯ จึงได้สั่งปิด ต่อมาก็ได้รับทราบว่ามีเหตุเพลิงไหม้ สาเหตุคล้ายกับการวางเพลิง หลังจากนั้น กมธ.ก็ไม่ได้ติดตามต่อจนมาทราบว่ามีไฟไหม้เมื่อวานหลังจากประชุมเสร็จ โดยวันที่ 15 พ.ค.จะออกหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุม เพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ

 

 

ส่วนการทิ้งกากอุตสาหกรรมหรือสารเคมี ตามกฎหมายจะไม่มีโทษปรับ ทำให้ผู้ประกอบการไม่เกรงกลัวกมธ.อุตสาหกรรม จึงได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขให้โรงงานอุตสาหกรรม เพิ่มโทษความผิด เพื่อให้ผู้ประกอบการเกรงกลัวกฎหมาย จึงเป็นข้อสังเกตได้ว่าเหตุไฟไหม้ เป็นการเลี่ยงกฎหมายใหม่หรือไม่ กมธ.อุตสาหกรรมจึงมีความเป็นห่วง เราอยากให้หน่วยงานที่กำกับดูแล

 

 

เข้าไปตรวจสอบโรงงานที่มีกากของเสียทุกแห่ง เพราะหากมีการวางเพลิงจริง จะเกิดการเลียนแบบเจ้าหน้าที่ภาครัฐมีหลายกระทรวงเข้าไปดูแล ไม่ใช่เรื่องกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงกระทรวงเดียวตนเองได้บอกนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่ามันเป็น “วาระแห่งชาติ” ที่ต้องเข้ามาดูเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

เช่นเดียวกับส.ส.ฝ่ายค้าน ระยอง และ อยุธยา จากก้าวไกล ที่ออกมาระบุจากการตรวจสอบพบข้อมูลว่าโรงงานวินโพรเสส ที่ จ.ระยอง และโกดังเก็บสารเคมี ที่อำเภอภาชี จ.อยุธยา พบว่ามีเจ้าของกลุ่มเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจ คือก่อนหน้านี้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยาเคยเกิดเหตุเพลิงโรงงานสารเคมี และมีการสั่งย้ายสารเคมีภายในโรงงานออกทั้งหมดจากนั้นก็มาเกิดเหตุเพลิงไหม้ โรงงานที่จังหวัดระยอง และล่าสุดคือเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โกดัง

 

 

ในจังหวัดอยุธยา ระดับผู้สั่งการทำได้แค่สั่งแต่ไม่มีแผนเผชิญเหตุ จึงฝากไปถึงรัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบหลัก และนายกรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ เห็นผลกระทบจากกลิ่นสารเคมี ต้องถามว่าทำงานกันเป็นหรือไม่ เพราะในการลงพื้นที่ในครั้งนั้นไฮไลท์เดียวคือการไปต่อว่าอธิบดีกรมโรงงาน จนเมื่อวานประกาศ ลาออกในที่ประชุม คณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร โดย ทราบว่ากำลังถูกสั่งย้ายจึงลาออก ซึ่งเรื่องนี้น่าสงสัยเพราะท่านเป็นคนเสนอให้ใช้เงินประกันที่ศาลมาดำเนินการขนย้ายสารเคมี ซึ่งก็ต้องรอผลในวันที่ 7 พ.ค.นี้ จึงต้องติดตามต่อไปเพราะประชาชนเริ่มสงสัยว่าเป็นการวางเพลิงต่อเนื่องหรือไม่.

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube