กษ. เร่งประสานงานให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง เหตุอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
ด้านเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ได้ประสานงานลงพื้นที่สวนทุเรียนในอำเภอโนนสุวรรณ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยโครงการชลประทานบุรีรัมย์ได้นำรถน้ำมาช่วยบรรเทาเหตุ และได้แนะนำให้เกษตรกรใช้สปริงเกอร์ไปติดไว้บนต้นทุเรียน และเปิดช่วงเวลากลางวันเพื่อเป็นการระบายความร้อนและให้ความชื้นให้กับต้นทุเรียน และเกษตรจังหวัดอุทัยธานีได้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาภัยแล้งร่วมกับโครงการชลประทานอุทัยธานี ในพื้นที่อำเภอห้วยคต ซึ่งมีพื้นที่ปลูกทุเรียนประมาณ 70 ไร่ ต้นทุเรียนได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน ในเบื้องต้นโครงการชลประทานอุทัยธานีจะจัดหารถบรรทุกน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวสวนทุเรียนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจนกว่าจะมีฝนตกในพื้นที่ต่อไป
สำหรับคำแนะนำสำหรับเกษตรกรชาวสวนไม้ผล กรณีผลผลิตในสวนเสียหายจากการเผชิญเหตุปัญหาภัยแล้งและความร้อน ดังนี้
1. ใช้การคลุมดินร่วมกับระบบน้ำ ลดการสูญเสียน้ำจากการระเหยจากผิวหน้าดิน และเก็บน้ำไว้ในดินด้วยการคลุมดินโดยใช้เศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น ใบไม้ เศษหญ้า ฟางข้าว แกลบ ฯลฯ หรือหากใช้แผ่นพลาสติกคลุมดิน ต้องเลือกระบบน้ำให้เหมาะสม เช่น พลาสติกที่น้ำไม่สามารถซึมผ่านได้ ต้องใช้ระบบน้ำหยดใต้ผิวดิน เป็นต้น
2. ปลิดดอกและผลออกบางส่วนหรือทั้งหมดเพื่อลดภาระของต้น จะช่วยรักษาชีวิตของต้นไม้ผลไว้ได้ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำและอาหารจะลดลงอย่างมากหลังปลิดดอกและผลออก สามารถทนทานต่อสภาวะแล้งได้ยาวนานกว่าต้นที่มีผลติดอยู่บนต้น ซึ่งจะฟื้นตัวได้เร็วและให้ผลผลิตได้ในฤดูการผลิตปีต่อไป
3. ลดการให้ปุ๋ยหรือสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของยอดและใบอ่อน ต้นพืชที่กำลังแตกยอดและใบอ่อนจะมีความต้องการใช้น้ำสูงกว่าพืชที่อยู่ในระยะใบแก่ และสารเหล่านี้จะไปกระตุ้นการแตกยอดของต้นไม้ผล ซึ่งหากน้ำไม่เพียงพอ จะส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของต้นและระบบรากอาจถึงตายได้
4. ฉีดพ่นอาหารเสริมบางชนิดเพื่อเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรง ในภาวะที่ต้องเผชิญแล้งเป็นเวลานาน หากมีอาการใบถอดสีหรือเปลี่ยนสี ควรให้การให้สารอาหารเสริม เช่น กรดอะมิโน น้ำตาลทางด่วน และน้ำหมักจากพืชผักผลไม้ หรือสัตว์ เป็นต้น อย่างไรก็ดี ไม่ควรใช้หากใบยังเขียวสมบูรณ์ และไม่ควรใช้บ่อยเพราะจะเป็นการกระตุ้นการแตกยอดและใบอ่อน
5. จัดการวัชพืชตามฤดูกาล ตัดวัชพืชให้สั้นโดยให้สูงจากพื้นดินประมาณ 1 นิ้ว เพื่อลดระเหยน้ำ เศษต้นและใบหลังถูกตัดแล้วจะแห้งและกลายเป็นวัสดุคลุมดิน ช่วยรักษาความชื้นในสวน ส่วนรากที่ยังมีชีวิตทำหน้าที่ช่วยยึดเกาะน้ำในดิน ทำให้น้ำระเหยได้ช้าลง
6. ปรับเวลาการให้น้ำ ควรให้น้ำในช่วงเวลาเย็นเพื่อให้รากพืชมีเวลาในการดูดซับธาตุอาหารในดินไปใช้ และได้รับความชื้นนานเพียงพอในช่วงกลางคืน แทนที่จะระเหยไปอย่างรวดเร็วในเวลากลางวัน
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการขาดน้ำที่เป็นปัญหาสำคัญในช่วงหน้าแล้งแล้ว ความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้นไม้ผลแสดงอาการขาดน้ำได้ การให้น้ำอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่มากกว่าฤดูกาลปกติ และการลดอุณหภูมิของต้นไม้ผลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผลผลิตยังสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องและลดความสูญเสียของผลผลิตลงได้
ซึ่งเกษตรกรอาจใช้ตาข่ายพรางแสงช่วยลดอุณหภูมิที่ต้นไม้ได้รับโดยตรงจากแสงแดด หรือหากยังเป็นต้นไม้ผลขนาดเล็ก อาจเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ทางมะพร้าว ทางปาล์ม ฯลฯ ในการพรางแสง แต่หากเป็นต้นขนาดใหญ่ อาจจำเป็นต้องใช้วิธีการลดอุณหภูมิในทรงพุ่มด้วยน้ำ โดยการต่อท่อติดมินิสปริงเกอร์สูงขึ้นไปในทรงพุ่ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชื้นในทรงพุ่ม ทำให้ต้นสดชื่นและผลผลิตได้คุณภาพดีอีกด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews