จับตาครม.ใหม่เศรษฐาดึงคนใกล้ชิดนายใหญ่ทักษิณคุม นักวิชาการชี้มีเพียงหนึ่งกระทรวงที่ประชาชนสามารถตั้งความหวังได้
โดยรศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา บอกกับสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นว่าหลังจากมีการปรับครม.ชุดใหม่นั้น พบว่าเอฟเฟ็กต์ตีกลับไม่ได้เป็นแบบที่คิด
ทั้งเกิดการแตกแยก คะแนนนิยมลดต่ำลง ไม่เป็นผลบวก อย่างในกรณีที่ปลดหมอชลน่าน ศรีแก้ว ออกจากรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นการตอบแทนคุณหมอแล้ว หากเทียบระยะเวลา7เดือนถือว่าเพียงพอในการทำงาน สำหรับหมอที่ไม่มีต้นทุนหรือราคาทางการเมือง แถมผลงานของหมอชลน่านในห้วงที่ผ่านมาก็ไม่สามารถกอบกู้ภาพลักษณ์ของพรรคหรือรัฐบาลได้ แถมเสียงของหมอชลน่านยังส่งผลไม่ดีต่อพรรคเพื่อไทยทำให้เสียชื่อเสียงและถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว
ซึ่งหากเทียบกับอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยที่เคยนั่งเก้าอี้นี้มาก่อนกลับมีผลงานให้เห็นได้มากกว่า ขณะที่การให้สมศักดิ์ เทพสุทิน มานั่งเก้าอี้แทนนั้น มองว่าสมศักดิ์มีบทบาทมากกว่าเพราะถ้าหากสังเกตุแล้วไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนก็มักจะได้เป็นรัฐมนตรีทั้งหมด นั่นจึงทำให้เห็นว่าคนที่กำหนดตำแหน่งให้ราคาเขามากกว่าหมอชลน่าน
นอกจากนี้กรณีให้พิชิต ชื่นบาน นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯนั้นถือว่าเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญเลยทีเดียวที่ถึงแม้เขาจะเคยมีคดีความมาแล้วก็ตามและจากการประเมินคาดว่าหากมีการร้อเงรียนต่างๆเชื่อว่าองค์กรอิสระไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เพราะเขาเป็นคนที่มีความสามารถทางกฏหมาย
อีกทั้งยังเป็นคนใกล้ชิดนายใหญ่ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือการเตรียมพร้อมเปิดทางให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับไทย ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นการปรับครม.เพื่อกำจัดคนหมดราคา กำชับอำนาจสู่ผู้มีอำนาจตัวจริง
ขณะที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯอีกหนึ่งคนนั่นคือจิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและส.ส.ร้อยเอ็ด ซึ่งการที่ให้เธอมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีนั้นถือเป็นการปรับเพื่อหวังสร้างภาพลักษณ์ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะเธอนั้นมีแฟนคลับและผู้ติดตามในโซเชียลอย่างมากมาย
ซึ่งถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์ ยิงปืนนัดเดียวแล้วได้นกหลายตัว เพื่อตอบแทนเธอที่เป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ในภาคอีสานรวมถึงรักษาฐานคะแนนเสียงในภาคอีสานเพราะครอบครัวเธอนั้นเรียกได้ว่ามีคอนเนคชั่นเยอะแถมเชื่อว่านายกฯเศรษฐานั้นเตรียมวางฐานอำนาจทางอีสานผ่านเธออีกด้วย
พร้อมกันนั้นกรณีที่สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ลูกสาวกำนันป้อ ถูกย้ายให้ไปนั่งเก้าอี้รมว.วัฒนธรรม ซึ่งต้องบอกก่อนว่าผลงานเธอตอนอยู่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด เพราะช่วงที่ผ่านมา เธอพยายามขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยเพื่อกระชับอำนาจ ขณะที่บทบาทของกระทรวงวัฒนธรรมนั้นไม่มีผลงานแต่อย่างใด โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเอาคนใกล้ชิดจากบ้านจันทร์ส่องหล้าเข้ามาควบคุม แล้วกำจัดคนที่หมดความหมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรับครมในครั้งนี้ก็ยังคงเละเทะ เพราะหลักการปรับนั้นประชาชนต้องสามารถตั้งความหวัง มีศักยภาพ แต่ปรากฏว่าผลออกมากลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น ขณะที่ ณ ตอนนี้ หากมองดูแล้ว ก็อาจจะมีเพียงแค่กระทรวงการคลังเท่านั้นที่ประชาชนยังจะพอตั้งความหวังได้บ้างเล็กน้อยเพราะดูแล้วน่าจะเป็นการทำงานที่จริงจังและเอาจริง
นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาดุลอำนาจของขั้วอำนาจเก่าที่รัฐบาลต้องประนีประนอมให้ด้วย ซึ่งถึงแม้ในอนาคตรัฐบาลอาจจะมีการปรับครม.อีก ก็มั่นใจว่ารัฐบาลจะยังคงอยู่ได้ต่อไป ตราบใดที่กลุ่มอำนาจเก่ายังต้องพึ่งพาลมหายใจของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง อย่างไรก็ตามปรับครม.ครั้งนี้ถือว่าผลลบมากกว่าผลบวก ซึ่งก็คงต้องมาติดตามว่าในอนาคตใครจะอยู่ใครจะไปอีกหรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews