Home
|
ข่าว

กมธ.ตำรวจลุยกระบี่กำชับจนท.เข้มต่างชาติ-ต้องเคารพกม.ไทย

Featured Image
“ชัยชนะ”นำ กมธ.ตำรวจ ลงพื้นที่กระบี่ กำชับตำรวจ “ดูแลความปลอดภัย – เข้มงวด นทท. ต่างชาติเคารพกฎหมายไทย”

 

 

 

 

 

นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร นำคณะกรรมาธิการตำรวจ ร่วมกับ นายสมปราชญ์ ปราบสงคราม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต. ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พ.ต.อ. ชวลิต เพชรศรีเปีย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ร่วมกันลงพื้นที่จังหวัดกระบี่

 

 

ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า จังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดที่มีมีรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศไทย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาปีละ 8 ล้านคน จึงมีความกังวลว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในจังหวัดกระบี่ ทั้งบริเวณอ่าวนาง เกาะลันตาเกาะพีพี ก็ให้มีการควบคุมนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

 

ซึ่งต้องดูแลความปลอดภัยและต้องควบคุมให้นักท่องเที่ยวอยู่ภายใต้กฎระเบียบ กฎหมาย ของประเทศไทย จะเห็นได้ว่าที่จังหวัดภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวที่ไม่ทำตามกฎหมายของประเทศไทย ซึ่งในพื้นที่จังหวัดกระบี่ก็จะให้ความเข้มงวดในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ในการดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย

 

 

อีกประเด็นหนึ่งคือ เรื่องเรือนำเที่ยว ซึ่งทุกลำต้องมีทะเบียน และผู้ขับเรือต้องมีใบอนุญาตขับเรือ ซึ่งวันนี้ได้มีนายกสมาคมท่องเที่ยวของอ่าวนางเข้าร่วมหารือด้วย และที่สำคัญเราให้ตรวจหายาเสพติดในคนขับเรือ และพนักงานโรงแรมทุกคน อีกเรื่องคือการที่นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวอยู่แล้ว ทางกรรมาธิการตำรวจให้ความเห็นว่าในอนาคตเราจะใช้แอพพลิเคชั่นเหมือนเมื่อครั้งการระบาดของโรคโควิด-19

 

 

โดยแนะนำให้ทางจังหวัดกระบี่ ได้ประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุข ให้นำแอพฯตัวนี้เข้ามาเพื่อติดตามนักท่องเที่ยวทุกคน ว่าเข้ามาพักที่ไหน อยู่ที่ไหน อย่างไร จะได้ติดตามได้ เพื่อเกิดความปลอดภัย และป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติได้

 

 

ทั้งนี้ ได้รับเรื่องจากผู้บังคับการตำรวจภูธรกระบี่ ว่ามี 3 สภอ. คือ สภอ.เหนือคลอง สภอ.เกาะพีพี สภอ.คลองขนาน มีอายุการใช้งานเกิน 30 ปีแล้ว ก็ได้ยื่นเรื่องคำขอไปยังงบประมาณ ปี 68 แล้ว และกรรมาธิการจะได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ส่วนที่เป็นปัญหาหลักๆ ของภูธรจังหวัดกระบี่ คืออัตราพนักงานสอบสวนขาด จนทำให้คดีล่าช้า จากอัตรากำลังพลของจังหวัดกระบี่ทั้งหมด1,500 นาย มีเพียง 1,120 นาย ขาดอยู่ 380 นาย ซึ่งต้องนำเข้าไปเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้รัฐบาลประสานงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้จัดกำลังพลมาให้ครบถ้วนตามอัตรากำลัง

 

 

ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.อุ้มหาย มีผลต่อการทำงานของตำรวจอย่างไรนั้น ประธานกรรมาธิการตำรวจฯ กล่าวว่า ตรงนี้กรรมาธิการรับฟังจากทุกภาค ทุกจังหวัด เพื่อจะนำปัญหาเหล่านี้ไปเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร นำไปสู่การหาทางแก้ไข ต้องเรียนว่า พ.ร.บ.อุ้มหายนี้ ในการเสนอกฎหมายมาเพื่อป้องกันการอุ้มซ้อม ทรมานผู้ต้องหา

 

 

แต่ภาคปฏิบัติตำรวจที่เกี่ยวข้องต้องบันทึกตั้งแต่วินาทีแรก ปัญหาคืออุปกรณ์ การเรียนรู้ของเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีก็มี เพราะฉะนั้นถ้าจะเดินหน้าเรื่องนี้อุปกรณ์จะต้องพร้อม การอบรมทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ในการใช้อุปกรณ์เรื่องนี้ต้องมี นี่เป็นสิ่งที่ต้องนำเสนอต่อรัฐบาล

 

 

ทั้งนี้ เรื่องของการขาดกำลังพล ต้องเรียนว่าจากการลงพื้นที่ทุกภาค ปัญหาคือขาดอัตรากำลังพล และพนักงานสอบสวนก็ขาดแคลน ประเด็นก็คือว่าการที่คณะข้าราชการสอบเข้าบรรจุใหม่ก็เลือกที่ลง เมื่อครบวาระแล้วก็จะย้ายกลับภูมิลำเนา จึงเป็นปัญหาที่ต้องดูว่าต้องแก้ไขอย่างไร คิดว่าคนที่เข้าสู่ระบบราชการต้องยอมรับว่าเราอยู่ที่ไหนต้องทำงานให้ได้ มิฉะนั้นปัญหานี้ก็ไม่มีทางแก้ให้จบได้ เพราะออกกฎหมายมายังไง ย้ายได้ก็ไม่จบ แต่หากไม่ย้ายก็จะเข้าสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อันนี้ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ด้วย ความเป็นมนุษยธรรมด้วย ว่าเราต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ มิฉะนั้นก็แก้ปัญหาไม่ได้

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube