Home
|
ข่าว

สงครามคู่ขนาน-นายพล400ศพ

สงครามคู่ขนาน-นายพล 400 ศพ(click ดูวิดีโอ)

วันเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ช็อคโลก รวมถึง เหตุการณ์คู่ขนานหลายเคส ที่กระทบประเทศไทยทั้งมิติความมั่นการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเหตุการณ์การสังหารประชาชน 442 ศพ ในเมียนมา ของรัฐบาลทหารภายในการนำของ “มิน อ่อง หล่าย” ที่ยึดอำนาจมาจากรัฐบาล อองซานซูจี โดยเพียงวันเดียวกับการฉลองวันกองทัพพม่าเมื่อวันเสาร์(27มี.ค.) มีการสังหารประชาชนไปกว่าร้อยศพ ไม่นับรวมมิติเศรษฐกิจผลกระทบเรือขวางคลองสุเอซ โดย2สถานการณ์ใหญ่ที่ว่าทำให้ ข่าวบ้านห้วงเวลาเดียวกันดูเบากว่าเยอะ ทั้งปม “รัฐบาลลุงตู่2/4” เตรียมถ่ายรูปหมู่ครม.ตามทำเนียมวันพรุ่งนี้(30มี.ค.) ทำให้เมื่อวาน(28มี.ค.)เจ้าหน้าที่รีบเข้าเคลียร์ “ม็อบหมู่บ้านทะลุฟ้า”ที่”ไผ่ ดาวดิน”พาเดินเท้าจากข่อนแก่นมาปักหลักข้างทำเนียบฯ ส่งเสียงไล่ให้ลุงๆในทำเนียบฯรำคาญบ่นดังๆ ให้เจ้าหน้าที่ไปดูมาหลายวัน จนได้จังหวะทีเผลอ มวลชนเหลือน้อย เพราะต้องกลับบ้านไปเลือกตั้งเทศบาล

เรียกว่าเป็นการเข้าเคลียร์แบบเรียบร้อย แม้มีอารยชัดขืนจนถูกอุ้มไปบ้างแต่ก็ไม่มีโป๊ะป๊ะปะทะให้เจ็บตัว แต่ด้านหนึ่งก็เป็นการให้ภาพย้ำถึงมุมมอง รัฐบาลนายกฯลุงตู่ ที่วางน้ำหนักเสียงเรียกร้องผ่านการชุมนุมของประชาชนในระดับไม่แตกต่าง ไปจากม็อบเด็กราษฎรที่หากดื้อแพ่งก็โดนแรงขึ้นไปจนถึงระดับแก๊สน้ำตาและกระสุนยางก่อนหน้านี้ครั้ง ม็อบ 20 มี.ค.ของกลุ่มรีเด็ม

ที่แม้โดยความรุนแรงจะเทียบไม่ติดกับ “นายพลมิน” เพื่อนบ้าน ที่นาทีนี้ อัพเลเวลล์ ไปถึงระดับใช้กระสุนจริง ใช้ยุทโธปกรณ์กองทัพ เข้าปราบปรามประชาชน 442 ศพ จนโลกตะลึงในการใช้ความรุนแรงอย่างโหดเหี้ยมของทหารในการปราบปรามทำร้ายประชาชนมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิตสารพัดวิธีไม่ว่าจะอยู่บนถนนหรือในบ้าน ล่าสุดมีการออกมาแสดงท่าทีของ กองทัพ12ประเทศ กดดันไปยังกองทัพพม่า หลังจากที่หลายองค์กรโลกกดดันไปที่ รัฐบาลไม่เป็นผล ขณะก็เริ่มมีการกดดัน กลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศไทยที่อยู่ติดพม่าให้แสดงจุดยืนท่าที ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงที่ทำกับประชาชนพม่า ที่ไทยเคยอ้างกติกาอาเซียนคือไม่แทรกแซงกิจการประเทศในกลุ่มอาเซียนมาตลอดตั้งแต่วันที่”นายพลมิน”ยึดอำนาจ 1ก.พ.64แถมยังเป็น1ใน8ประเทศที่ไปร่วมงานวันกองทัพพม่าเมื่อวันเสาร์(27มี.ค.)ที่มีการปราบปรามหนักมีปชช.เสียชีวิตกว่าร้อยราย จน”มิสแกรนด์พม่า”ต้องขอให้โลกช่วยคนเมียนมา บนเวทีประกวดที่กรุงเทพฯในวันนั้น

น่าสนใจคือ การออกมาของ ศ.ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานคณะมนตรีเพื่อสันติภาพและความปรองดองแห่งเอเชีย(APRC) และอดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ออกมาเมื่อวาน ระบุ เหตุการณ์ความรุนแรงในเมียนมาในขณะนี้มีผลกับประเทศไทยทั้งในเชิงจุดยืน ภาพพจน์และชื่อเสียง และมีผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของไทยอย่างมาก ทำให้หลักการไม่แทรกแซงในกิจการภายในของประเทศอาเซียน ต้องมีการทำความเข้าใจกันใหม่ เพราะตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติแล้ว เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงเช่นที่กล่าวมานี้ เรื่องการละเมิดหลักมนุษยธรรม เรื่องอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เป็นข้อยกเว้นของหลักการไม่แทรกแซงในกิจการภายในของประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ การกระทำเช่นว่านั้น ทำให้ประเทศที่กระทำการนั้นๆ หมดสิทธิ์ที่จะอ้างหลักการไม่แทรกแซง เพราะสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของสังคมระหว่างประเทศไปเสียแล้ว โดยมีกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายขององค์การระหว่างประเทศ และองค์การภูมิภาค เช่น กฎบัตรของอาเซียนใช้บังคับอยู่

ดังนั้นการที่ประเทศไทยเลือกที่จะนิ่งเฉย เมื่อมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงโดยอ้างหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในนั้น นอกจากจะเป็นการอ้างหลักต่อสถานการณ์ที่ผิดจากหลักปฏิบัติระหว่างประเทศแล้ว จะทำให้สังคมระหว่างประเทศมองด้วยความเข้าใจว่าประเทศไทยยอมรับหรืออาจมองว่าสนับสนุนการใช้กระสุนจริง การกระทำของกองทัพเมียนมาที่มีผลต่อการสูญเสียชีวิตของคนเมียนมาทั้งๆที่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่จุดยืนของประเทศไทยและคนไทย

ทั้งหมดทั้งมวลต้องติดตามต่อว่ารัฐบาลประเทศไทย ภายใต้ 3 ลุง แห่ง 3 ป.ที่ถูกมองว่าเป็นแฝดคู่ขนาน 2 ประเทศในอาเซียนที่รัฐบาลมาจากการยึดอำนาจ จะแสดงท่าที่อย่างไรกับรัฐบาลทหารพม่าที่โลกทั้งใบกำลังกดดัน “นายพลมิน”

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube