แม้ลมหายใจสุดท้ายของ “บุ้ง” นักกิจกรรมจะปลิดปลิวไปแล้ว แต่แรงกระเพื่อมยังคงอยู่ในบทสนทนาของผู้คนอีกสักระยะหนึ่ง ตลอดเส้นทางการเคลื่อนไหวของเธอมีทั้งคำชื่นชม และชิงชัง ต่างกันตามความเชื่อของแต่ละบุคคล และแม้ว่า “บุ้ง” และแนวร่วมของเธอจะปฎิเสธมาตลอดว่า การเคลื่อนไหวไม่ได้แอบอิงกับการเมืองแต่อย่างใด แต่สังคมพออนุมานได้ว่า “ธงนำในใจ” ของเธอและพวกพ้อง ไปสอดคล้องต้องกันกับค่ายการเมืองหัวก้าวหน้าพรรคใด
หลังจากข่าวการเสียชีวิตของ “บุ้ง” “ก้าวไกล” เป็นพรรคการเมืองแรก ที่ออกแถลงแสดงความเสียใจ ติดแฮชแท็ก “คืนความเป็นธรรมให้ประชาชน” ระบุทุกฝ่ายต้องร่วมกันสร้างพื้นที่ปลอดภัย หาทางออกต่อความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ควรมีใครต้องติดคุกเพียงเพราะเห็นต่าง ทวงการคืนสิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยคดีการเมืองที่อยู่ระหว่างต่อสู้คดี และเร่งพิจารณากระบวนการนิรโทษกรรม และฟื้นความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
จากนั้นดาวดังจากก้าวหน้าและก้าวไกล ก็แสดงเจตจำนงค์ผ่านแพลตฟอร์มโชเชี่ยล โดยภาพรวมเน้นไปยังประโยคที่ว่า “ไม่ควรมีใครติดคุกเพราะเห็นต่าง” เริ่มจาก”ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” โฆษกคณะก้าวหน้า ระบุว่า ต้องรอให้มีคนตายก่อนหรือ ถึงจะทำให้สังคมตระหนักว่าคนเห็นต่างไม่สมควรตาย หรือติดคุก และสิทธิการประกันตัวเป็นของทุกคน หรือแม้แต่มีคนตายแล้วก็จะยังไม่เข้าใจ ไม่รับรู้กันอีก เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน พึงรักษาความเป็นมนุษย์กันไว้เถอะนะ
ต่อมา “รังสิมันต์ โรม” ชี้ สังคมต้องเห็นการเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อทวงถามความเป็นธรรม ถามหาสิทธิในการประกันตัวออกมาสู้คดี ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่กับการแสดงออกของบุ้ง แต่สิทธิในการประกันตัว เป็นสิ่งที่ทุกคนควรได้รับ ขณะที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ระบุว่า “ไม่ควรมีใครควรต้องถูกคุมขังเพียงเพราะความเห็นต่างทางการเมือง ไม่ควรมีใครต้องเสียชีวิต เพียงเพราะการคิดที่แตกต่างกัน สิทธิการประกันตัว คือ สิทธิพื้นฐานกระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนพึงได้รับจากรัฐ”
ขณะที่ฝั่งคนเสื้อแดง อย่าง “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ทวีตข้อความระบุว่า “ไม่ควรมีใครเสียชีวิตเพราะความคิดที่แตกต่าง ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นกรณีสุดท้าย ปล่อยเด็ก ๆ ที่เหลือออกมาเถอะครับ” และ “ขัตติยา สวัสดิผล” หรือเดียร์ ทวีตข้อความว่า “ขอให้กระบวนการยุติธรรมไทย จงยึดมั่นในหลักการ “การสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” และ “การประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน” ที่ทุกคนควรได้รับ ตราบเท่าที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำผิดและถูกลงโทษ
ส่วน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยอมรับติดใจราชทัณฑ์ ทำไมปล่อยให้ “บุ้ง” ตาย ทั้งที่เคยร้องขอให้ส่งตัวไปรักษาภายนอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ก็ถูกปฏิเสธตลอดพร้อมระบุ “เรื่องบางเรื่อง พูดไปมันขมขื่น ความเป็นมาตรฐานของราชทัณฑ์ไทยมันมีหรือเปล่า ถ้าลองเทียบเด็กที่โดนคดีการเมืองได้รับการดูแลรักษา ได้ดีเท่าผู้หลักผู้ใหญ่บางคนหรือเปล่า พูดไปก็ขมขื่นอย่าไปพูดดีกว่า…”
และยังมีนักกิจกรรมชื่อดังหลายรายที่ยังอยู่ในเรือนจำ อย่าง แฟรงค์ และ “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ โดยวันที่ 15 พ.ค.2567 หลังบุ้งเสียชีวิตได้วันเดียว ปรากฏข่าวตะวันถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เนื่องจากความเครียด โดยวงในระบุว่า “ตะวัน” เป็น 1 ในนักกิจกรรม ที่ใช้วีธีอดอาหารเพื่อประท้วงขบวนการยุติธรรม และเมื่อรับทราบข่าวของ “บุ้ง” ที่สนิทกัน จึงทำให้เธอเครียดอย่างหนัก จนถูกหามส่งโรงพยาบาลดังกล่าว
ต้องติดตามว่าจะมีขบวนการโหนศพ ออกมาเคลื่อนไหวรุนแรงมากยิ่งขึ้นหรือไม่ และคนที่อยู่เบื้องหลังชุดความคิดที่สุดโต่ง ภายใต้ความหวังดี แต่เคลือบความอำมหิตขั้นขีดสุด ป้อนข้อมูลเพื่อให้ก่อเกิดพฤติกรรมสุดขั้ว และใช้ความตายกับเชิงตระกอนของคนอื่นเป็นแท่นบูชายัญอำนาจที่ถวิลหา จะยังนอนหลับสบายดีอยู่ไหม?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews