“เลขา กกต.”ย้ำออกระเบียบแนะนำตัว สว.เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ยันไม่ได้ออกเพื่อใคร ชี้ บัญชีสำรองยุค คสช.ลงสมัคร สว.ได้ บอกไต่สวนฮั้วเลือกยึดตามความปรากฎ ไม่ต้องรอให้มีคนร้อง
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า บุคคลที่เป็นบัญชีสำรอง สว.ชุดคสช.สามารถลงสมัคร สว.ในครั้งนี้ได้ เนื่องจากยังไม่เคยเป็น สว. ก็ยังมีสิทธิ์ พร้อมยืนยันว่ากระบวนการจัดเลือกสว.ยังไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาและเป็นไปตาม โรดแมฟที่เตรียมแผนไว้ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย และ กทม. เป็นอย่างดี และได้มีการประสานงานกับทาง กกต.จังหวัด มาโดยตลอด
เลขา กกต. ระบุด้วยว่าไม่ได้มีการตั้งเป้าจำนวนผู้มาสมัคร สว. แต่คาดการณ์ว่าจะมีคนมาสมัครเยอะ และนับจากนี้ยังมีเวลา ส่วนหมายเลขผู้สมัคร สว. หลัง กกต.ประกาศรายชื่อจะเรียงตามตัวอักษร ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้สมัครประมาณ 100,000 คน ซึ่งผู้สมัครไม่ใช่ว่าใครจะมาสมัครก็ได้ แต่จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายและมีความตั้งใจที่จะมาเป็น สว. ส่วนการรณรงค์จะทำให้คนเข้าใจในกติกา
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกระบวนการนับคะแนนที่สามารถสังเกตได้จากการถ่ายทอดผ่านกล้องวงจรปิดในวันที่มีการเลือกแต่ละระดับ ในแต่ละสถานที่ที่ลงคะแนนทเพื่อให้สื่อมวลชนและประชาชน ได้เห็นบรรยากาศ แต่อย่างน้อยในการนับคะแนนก็มีผู้สมัครด้วยกันเอง ติดตามการนับคะแนนอย่างใกล้ชิดในสถานที่นับคะแนน หากเกิดอะไรขึ้นก็จะมีการประท้วงให้มีการวินิจฉัย ซึ่งจะไม่สามารถมาประท้วงภายหลังได้
ส่วนกลไกหรือข้อสังเกต ในเรื่องของการฮั้วคะแนนหรือขอคะแนนกันเองของผู้สมัคร นายแสวง กล่าวว่า ในส่วนนี้เป็นมาตรการ อย่างที่กฎหมายบอกว่าเขาสมัครมาเป็น แต่ถ้าสมัครเข้ามาเลือกแล้วไม่มีคะแนนเลยก็ผิดสังเกต แต่ตามกฎหมายระบุว่า การเลือกอาจลงคะแนนให้ตนเองก็ได้ ซึ่งหมายความว่าไม่ลงคะแนนให้ตนเองก็ได้ แต่พฤติการณ์เช่นนี้ กกต.ต้องมาสืบดู ว่า บุคคลกลุ่มนี้ทำอะไร แต่โดยกระบวนการแล้วก็ควรจะทราบก่อนว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร
ซึ่งก็ต้องนำมาประมวล ทั้งนี้ การพิจารณาสำนวนเรื่องการทุจริตต้องใช้เวลา ต่างจากการพิจารณากระบวนการลงคะแนน การนับคะแนน ที่สามารถเห็นทันที
ส่วน กกต.มีการข่าวหรือไม่ว่าจะมีการฮั้วคะแนน หรือขนคนมาสมัครเพื่อให้เกิดการฮั้วคะแนน นายแสวง กล่าวว่า กกต.มีศูนย์ข่าวอยู่ทุกจังหวัด มีความเคลื่อนไหวตั้งแต่ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก สว. ก็มีกิจกรรมให้ความรู้ ซึ่ง กกต.ก็มีข้อมูล ว่ายังคงดำเนินกิจกรรมให้ความรู้ต่อหลังมีพระราชกฤษฎีกาแล้วหรือดำเนินการเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
ส่วนการตรวจสอบเรื่องการฮั้วนั้น นายแสวง กล่าวว่า เมื่อความปรากฏ กกต.ก็สามารถตรวจสอบได้ โดยไม่ต้องรอให้มีคนร้อง
เมื่อถามว่าได้มีการประเมินผลตอบรับมายังสำนักงานกกต.หรือไม่ หลังมีการแก้ระเบียบแนะนำตัวผู้สมัคร สว . นายแสวง กล่าวว่า กกต. ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นอารมณ์ของสังคม ไม่ใช่ กกต.อย่างเดียว แต่สะท้อนไปถึงคนร่างกฎหมายด้วย ว่า ร่างกฎหมายให้คนไม่พอใจ แต่ กกต. มีหน้าที่ทำตามกฎหมาย
โดยยืนยันว่า กกต. ดำเนินการตามกฎหมายและทำเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม อย่างน้อย กกต.ทก็ได้รับฟังเสียงของประชาชน ส่วนจะคิดอย่างไรก็เป็นดุลพินิจ
ขณะที่ข้อเสนอของนักวิชาการที่ต้องการให้มีการผ่อนคลายระเบียบเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมบรรยากาศในการเลือก สว. เช่น การเปิดเวทีให้ผู้สมัครได้แสดงวิสัยทัศน์ นั้น เลขา กกต.กล่าวว่า การเลือกกับการแนะนำตัวนั้น ระเบียบได้ออกแบบบนพื้นฐานของกฎหมาย ว่าอยากได้ สว.แบบไหน ก็อยากให้คนที่มาคนเดียวก็มีสิทธิ์ ไม่ใช่เกาะกลุ่มตั้งก๊วนกันมา
และเพื่อความเสมอภาค เพราะไม่ได้เลือกจากสิ่งที่แสดงความเห็น แต่เลือกจากประสบการณ์ เลือกจากกระดาษ หรือเลือกจากสิ่งที่ทำมาเมื่อ 40-50 ปี ดังนั้น กกต. จึงออกระเบียบมาเช่นนี้ คือให้มีการแนะนำตัว เพื่อให้เกิดความเสมอภาคในการแข่งขันทุกกติกา พร้อมย้ำว่า กกต.ออกกติกาเพื่อความเป็นธรรมกับผู้ที่เข้าแข่งขัน ไม่ได้ออกก็คนใดคนหนึ่ง ดังนั้น ผู้สมัครจะต้องอยู่ในเกณฑ์นี้
เลขา กกต. ยังย้ำอีกว่า กกต.ออกระเบียบตามรัฐธรรมนูญที่ได้ออกแบบไว้ ออกเอง ถ้ากกต.ออกแบบผิดจากนี้ก็ไม่รู้ว่าการเลือกสว. จะเป็นอย่างไร กกต. จะติดคุกติดตารางหรือไม่ ขออย่ามองมุมเดียว เพราะในการแข่งขันมีคนได้คนเสีย โดย กกต.ยืนบนความถูกต้อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews