พิธา ขึ้นปาฐกถา บอก กลัวคนไม่มาเพราะจัดงานวันอาทิตย์ ชี้ การเมืองไทย หากปล่อยไว้จะกลายเป็นระเบิดเวลา ให้คนรุ่นต่อไปมาแก้ไข โว ลต.รอบหน้า ก้าวไกล จะได้มากกว่า 270 เสียงแน่
พรรคก้าวไกล จัดงานมหกรรมนโยบายพรรคก้าวไกล Policy Fest ครั้งที่ 1 “ก้าวไกล Big Bang” ที่ ภิรัช ฮอลล์ ไบเทคบางนา โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ Why 6 Big Bang ระบุว่า รู้หรือไม่ว่าตนกังวลใจมากแค่ไหนกับการปาฐกถาวันอาทิตย์ กังวลว่าพี่น้องจะไม่มาหรือมาสาย หรือลืมพิธาไปแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้เพิ่งกลับจากเยอรมัน เจ็ตแลคอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าประชาชนมากันเยอะ ตนก็จัดเต็มให้
การปาฐกถาในครั้งนี้ ตนขอเน้นย้ำว่า อยากเห็นการเมืองเป็นเรื่องสนุก ทำให้เป็นเรื่องของคนทุกคน วันนี้ต้องมีถึง 6 Big Bang เราอยากเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ที่มีวาระเป็นของตัวเอง วันนี้เป็นวันที่พิสูจน์ว่าพรรคก้าวไกลไม่เหมือนพรรคอื่น
วันนี้เป็นวันที่พิสูจน์ว่า พรรคก้าวไกลไม่เหมือนพรรคอื่น และเรามีโปรเจคทางการเมือง มีวาระทางการเมือง 6 อย่าง ที่หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นระเบิดเวลาของประเทศ แต่ถ้าพวกเราตั้งใจทำงาน ตั้งใจสร้างนโยบายการเมืองให้เป็นเรื่องสนุก ผมเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนระเบิดเวลา 6 ลูกนี้ ให้กลายเป็นศักยภาพของประเทศไทยได้
วันนี้ที่เรามารวมตัวกัน เดือน พ.ค.ของประเทศไทยเป็นเดือนที่มีความรู้สึกปนเปกันไป บางช่วงของประวัติศาสตร์เดือน พ.ค. คือพฤษภาแห่งความกลัว บางปีเดือน พ.ค. ก็เป็นพ.ค.แห่งความหวัง
ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา วันที่ 14 พ.ค. 66 คือวันที่ 14 ล้านหัวใจทั่วประเทศไทย รวมกันเป็นหัวใจหนึ่งเดียว ที่อยากจะเห็นการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ที่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศไทยและทั่วโลกออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเข้าคูหาด้วยความหวัง ไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ชอบพรรคก้าวไกล ไม่ว่าท่านจะเลือกหรือไม่เลือกพรรคก้าวไกล ทุกคนต้องยอมรับว่า ทศวรรษที่สูญหายตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ยึดอำนาจจนถึงการเลือกตั้ง นี่คือการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด บริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด และไม่ใช่เป็นเพราะตนชนะการเลือกตั้ง หรือเพราะก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง แต่นี่คือพ.ค.แห่งความหวังที่ประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่ารวยดีมีจน คนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นใหญ่ มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมหรือก้าวหน้า ทุกคนเข้าคูหา และไม่ว่าจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของพรรคก้าวไกล ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรคก้าวไกลชนะอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีการซื้อเสียงเลย แม้แต่บาทเดียว
นายพิธา ยกตัวอย่างดัชชี้วัดและสถิติต่างๆ ที่ลดลงของประเทศในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา อย่างที่ผมเคยสัญญาตอนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลว่า ผมไม่รังเกียจในการเป็นฝ่ายค้าน ขอซื่อสัตย์กับตัวเองทางการเมือง และทำงานเป็นฝ่ายค้าน เผลอๆ ถ้าฝ่ายค้านตั้งใจทำงาน ทำงานได้เยอะกว่ารัฐบาลอีก ในระบบประชาธิไตย ฝ่ายค้านเชิงรุกที่ทำงานก็สร้างความหวังให้กับประชาชนได้เช่นเดียวกัน
พร้อมยกสมการความหวัง โดยอธิบายถึงการทำงานของฝ่ายค้านเชิงรุก ที่ควรมีส่วนประกอบของ 1.ผู้นำที่เข้มแข็ง 2.ประชาชนที่พร้อมแข่งขัน 3.ความเชื่อใจในกันและกัน ว่า ถ้าประเทศไหนมี 3 องค์ประกอบนี้ ประเทศนั้นจะมีความหวังเสมอ ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคหรือความท้าทายแบบไหน นี่คือสาเหตุที่เราอยากจะบอกว่า ในการเมืองไทยมีพรรคการเมืองที่หลากหลาย ยังมีพรรคอย่างพรรคก้าวไกลที่พยายาม พรรคก้าวไกลยังไม่เป็นพรรคที่สมบูรณ์แบบ เรายังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกเยอะ แต่อย่างน้อยเราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะซื่อสัตย์กับประชาชนกับตนเอง ตรงไปตรงมา พยายามสะสมประสบการณ์ในสภา การเรียนรู้ราชการ
นี่คือ 6 Big Bang ของประเทศไทย ที่ถ้าเราทิ้งไว้จะเป็นระเบิดเวลา แล้วคนรุ่นต่อไป จะต้องมาแก้ไข แต่ถ้ารัฐบาล พรรคการเมือง หรือผู้นำ เข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ พอที่จะสามารถลงทุนกับประชาชนให้มีความเข้มแข็งและมีความเขื่อมั่นซึ่งกันและกัน ถ้าบอกว่าวาระการทำงานของรัฐบาลคืออะไร ผมนึกไม่ออก แต่ผมก็ไม่อยากเป็นคนที่ค้านทุกเรื่อง หากพรรคตัวเองไม่มีวาระ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็รับไม่ได้เหมือนกัน แล้วอะไรคือวาระทางการเมืองของคุณที่จะเอาภาษีของประชาชน เอาความไว้วางใจที่มั่นใจว่าคราวหน้าจะได้มากขึ้นอีก สงสัยคราวหน้าต้อง 270 เสียงซะแล้ว หรือจะเอา 300 เสียง ตามตรรกะคูณ 2 แต่ผมไม่ได้พูดเล่นๆ ไม่ได้พูดเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีวาระที่ต้องการจะขับเคลื่อน
นายพิธา กล่าวถึงวาระดังกล่าวว่า ถ้าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ก็สามารถพูดได้ และเข้ามีส่วนร่วมได้ ซึ่งประกอบไปด้วย 6 ข้อ แบ่งเป็น วาระเฉพาะหน้า 1.เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพ 2.เรียนรู้ทันโลก 3.ยกระดับคุณภาพชีวิต และวาระเฉพาะกาล 4.ปลดล็อคชนบทไทย 5ปปฏิรูปรัฐครั้งใหญ่ 6.ประชาธิปไตยเต็มใบ
นายพิธา กล่าวด้วยว่า แทนที่จะคิดนโยบายโดยเอากระทรวงมาเป็นตัวตั้ง โดยไม่เกิดการบูรณาการ เราต้องคิดแบบเอาวาระเป็นตัวตั้ง ให้หลายกระทรวงมารวมเป็นวาระเดียวกันได้ ไม่ต้องต่างคนต่างทำ
ตอนที่เป็นไทยแลนด์ 4.0 ทุกกระทรวงของบประมาณมาสร้างถนน ขอสัมมนาภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 แต่ละกระทรวงต่างคนต่างคิดแล้วก็มารวมกัน ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ใต้ซอฟต์เพาเวอร์ ทุกอย่างเป็นซอฟต์พาวเวอร์หมดเลย ก็เปลืองภาษีของท่าน ถึงต้องเอาปัญหาของประชาชนและประเทศมาเป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้นายพิธา กล่าวทิ้งท้ายว่า เรามาเดินทางไปด้วยกัน แม้ว่าเขาจะทำอะไรกับพรรคเรา เขาก็ทำลายจิตวิญญาณของพวกเราไม่ได้ แม้ว่าเขาพยายามจะทุบ ทำลายพรรคการเมืองของเราไป หรือจะไม่ทุบก็แล้วแต่ เราจะหยิบอิฐกันคนละก้อนแล้วมาสร้างบ้านหลังใหม่ของพวกเราไปด้วยกัน อย่างไรตนอยู่กับพวกคุณแน่นอน
จากนั้น เข้าสู่วงเสวนา Growth ปากท้องไทยเอาไงดี, การขับเคลื่อนนโยบายก้าวไกลผ่านกลไกกรรมาธิการสภาฯ, เปิดวิสัยทัศน์ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.), วงเสวนา State Reform รัฐไทยเอาไงดีและปาฐกถาปิดงาน หัวข้อ “อนาคตการเมืองไทย” โดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews