“เศรษฐา”พอใจเดินสายยุโรป นายกฯฝรั่งเศส-อิตาลี มั่นใจการเมืองไทย หลังผ่านการเลือกตั้ง ผู้นำอิตาลีรับปากเตรียมเดินทางเยือนไทย ก.พ.68 เที่ยวภูเก็ต พร้อมเจรจาอียูหนุนยกเว้นวีซ่าเชงเก้นไทย เล็งเยือนอินเดีย-แอฟริกา -ตุรกี ขณะจันทร์นี้เตรียมประชุมครม.เศรษฐกิจนัดแรกเร่งดันจีดีพี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือทวิภาคีกับนางจอร์จา เมโลนี นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอิตาลี ในโอกาสการเยื่อนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการ ว่า ถือเป็นโอกาสดี เพราะนอกจากจะเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วยังเป็นประธานกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (G7) ซึ่งตำแหน่งนี้สามารถโน้มน้าวประเทศสมาชิกได้หลายๆ
เรื่องโดยในวันนี้มีการหารือทวิภาคีแบบสองต่อสองในบรรยากาศพูดคุยแบบสบายๆ เริ่มต้นด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยได้นำเรื่องการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าเขตเชงเก้น ที่ไทยได้หารือในเรื่องนี้กับประเทศสมาชิกยุโรปอยู่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีอิตาลีก็พร้อมให้การสนับสนุน เพราะว่าที่ผ่านมาคนไทยที่เดินทางไปอิตาลีไม่มีปัญหาเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ไม่ได้หลบหนี และไม่ได้ก่อปัญหาให้ประเทศอิตาลีจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้ความช่วยเหลือไทย
นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรี อิตาลีเป็นคนแรกของยุโรปที่ได้สอบถามว่าทำไมถึงอยากได้วีซ่าฟรีเชงเก้น นอกเหนือจากความสะดวกสบายแล้วมีประเด็นอะไรอีกหรือไม่ ซึ่งตนได้บอกว่าจะมีความสะดวกสบายในการเข้าหากัน ทำให้มีการลงทุน และมีการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน ซึ่งนายก รัฐมนตรีอิตาลีได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะผลักดันอย่างเต็มที่ รวมถึงการเจรจาการค้าเสรี (FTA) หากบริษัทเอกชนในอิตาลีต้องการไปลงทุนในประเทศไทยเพื่อขยายฐานการผลิตและกระจายสินค้าไปทั่วโลก เรื่อง FTA เป็นเรื่องสำคัญ
ขณะที่เรื่องของความมั่นคง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซื้ออาวุธ และการพัฒนากองทัพร่วมกันได้ให้ทูตทหารประสานงานกับฝ่ายความมั่นคงของอิตาลี นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการพัฒนาระบบการฝึกซ้อม และเทคโนโลยีต่างๆ ด้วย ส่วนเรื่องอุตสาหกรรมการออกแบบ เรื่องแฟชั่นและดีไซน์ ก็มีการพูดคุยในเรื่องนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เพราะว่าประเทศอิตาลีไปไกลในเรื่องนี้มาก
สำหรับเรื่องของพลังงาน ทางอิตาลีให้ความสนใจในเรื่องของการจัดทำพลังงานสะอาด และการค้นหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเรื่องนี้จะลิ้งค์กับปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA)
นายกรัฐมนตรี ยังบอกอีกว่า การพูดคุย ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง15 นาที รวมเวลารับประทานอาหารร่วมกัน ถือเป็นเรื่องดีๆ เพราะมีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้าร่วม โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์ที่ได้หยิบยกขึ้นมาพูดคุยกัน ซึ่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็อยู่ร่วมวงอาหารด้วย ส่วนเรื่องของการขยายสนามบินทางอิตาลีก็มีเทคโนโลยีหลายอย่างที่อาจเข้ามาเสนอตัวมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ และทางนายก รัฐมนตรีอิตาลีก็ได้เสนอว่า ทั้งสองประเทศควรมีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่ชัดเจน และมีการเซ็น MOU อยู่ระหว่างภาคเอกชนกับภาคเอกชน และเอกชนกับรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีอิตาลีเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในช่วงเดือนกันยายน แต่ช่วงเวลานั้นติดการประชุม G7 จึงตัดสินใจว่าอาจมีการเดินทางเยือนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2568 พร้อมเชิญชวนให้นายกรัฐมนตรีอิตาลีเดินทางไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เพราะทราบว่าไม่เคยเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย และทราบ ว่ามีลูกสาวอายุ 7 ขวบ รวมถึงชื่นชอบการท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จะมีการเปิดเที่ยวบินกรุงเทพ-มิลาน ในช่วงวันที่ 1 กรกฎาคม และ ช่วงฤดูหนาวจะมีการเปิดเที่ยวบิน กรุงเทพ-โรม ซึ่งคาดว่าสายการบินแห่งชาติของอิตาลี ก็น่าจะสนใจในเรื่องนี้
“การเยือนประเทศอิตาลีครั้งนี้ ถือว่าเหนือความคาดหมาย เพราะมีการกำหนดชั้นตอนชัดเจน ว่าอนาคตจะมีขั้นตอนอย่างไร จะทำอะไรบ้าง ซึ่ง ผมพอใจภาพรวมตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาพอใจมาก” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เชื่อว่าความเป็นกลางทางด้านการเมืองของไทยทำให้ไทยมีเสน่ห์ โดยที่ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร เพราะเรื่องของธุรกิจที่จะตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเข้ามา เขา ต้องมั่นใจว่าไทยจะสามารถส่งสินค้าได้โดยที่ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศไหน ซึ่งแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ในประเทศไทย ทำให้มีคนอยากเดินทางมาอยู่ที่นี่
ผู้สื่อข่าวถามว่าทั้งฝรั่งเศสและอิตาลี กังวลอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทยหรือไม่ ที่จะตัดสินใจมาลงทุนในไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนเอง รู้สึกแปลกใจ ที่ผู้นำทั้งสองประเทศไม่พูดถึงการเมืองไทย แต่พูดถึงเรื่องธุรกิจ และเขามีความมั่นใจในประเทศไทยสูงมาก เชื่อว่าเป็นเรื่องของขบวนการทั้งหมดของการได้มาซึ่งรัฐบาล ตามระบอบประชาธิปไตย ที่มีความชอบธรรม ตรงนี้มันจบแล้ว และเขาก็ได้เห็นเราไปปรากฏตัวในเวทีโลกหลายเวที ซึ่งเขาเห็นว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับทำธุรกิจ เรื่องเหล่านี้สำคัญ และไม่มีโอกาสและจังหวะไหนดีที่สุดเท่าจังหวะนี้แล้ว
เมื่อถามว่าหลังจากจบการเดินทางครั้งนี้แล้ว มีแผนที่จะเดินทางเดือนประเทศไหนอีก นายกรัฐมนตรี ระบุว่าคาดว่าน่าจะไปประเทศอินเดีย ซึ่งจะมีการเลือกตั้งเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอยู่มา4 เทอมแล้ว มีความเชี่ยวชาญในหลายด้านและชื่นชอบประเทศไทย นอกจากนี้ยังคิดว่าจะเดินทางเยือนแอฟริกาเพื่อเปิดตลาดค้าขาย
เกี่ยวกับเรื่องอาหารและสินค้าการเกษตรและสินค้าการเกษตร รวมถึงประเทศที่เป็นประตูสู่ทวีปยุโรป คือ ตุรกี ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 ขึ้นไตรมาส 4 แต่จากนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงของวันมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตนจะยังไม่เดินทางไปไหน แต่จะลงพื้นที่โครงการพระราชดำริ ซึ่งมีหลายโครงการ จะไปตรวจงานและติดตามให้ทุกโครงการ ดำเนินไปด้วยดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคมนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งจะเรียกรัฐมนตรีและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุยกันในช่วง 16:00 น. ไม่ได้เรียกใครมาเพื่อต่อว่าแต่จะเป็นการมาพูดคุยหามาตรการ หรือไอเดียต่างๆ ที่จะต้องทำตั้งแต่เรื่องนโยบายและการผันเงินผ่านกรมบัญชีกลาง เรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ แก้ไขปัญหาเรียกว่าเป็นการมานั่งแก้ไขปัญหากัน เพราะจีดีพีโต 1.5% ต่ำที่สุดในอาเซียน
เมื่อถามว่าอะไรไตรมาสที่สี่ที่ตั้งใจไว้ว่าเงินดิจิทัลจะถึงมือประชาชน คาดว่าจีดีพีจะโตขึ้น ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงมีส่วนแต่จะคอยไกลขนาดนั้นไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มทำงานก่อน อย่างที่ตนบอกว่าจีดีพี 1.5% ถ้าไม่มีภาคบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เราก็จะตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันนี้น่าเป็นห่วง และยังมีอีกหลายเรื่องทั้งบัตรเครดิตหนี้เสีย และหนี้ครัวเรือน
เมื่อถามว่าจะมีโครงการระยะสั้นออกมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตรงนี้เป็นที่มาของการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งต้องมานั่งคุยกัน และตนได้บอกทุกคนไปว่าเวลามาให้มีข้อมูล และมาด้วยใจที่เปิดกว้าง พร้อมกับไอเดีย ไม่ได้ให้มาเพื่อที่จะสั่งว่าต้องทำอะไร แต่การประชุมครั้งนี้คงยังไม่มีโครงการอะไรออกมาเซอร์ไพรส์แน่นอน
แต่ต่อไปจะมีทุกสัปดาห์ อีกทั้งยังมีการประชุมวงเล็ก ซึ่งตนอยากฟังความคิดเห็นของทุกคน จะมีทั้งภาคการค้าระหว่างประเทศภาคการเกษตรภาคกฎหมายภาคการเกษตร ภาคนโยบายซึ่งต้องฟังทุกคน และคงจะมีข้อสรุปออกมาเมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่ที่ต้องแบกความหวังคนไทยทั้งประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวทันทีว่า “ไม่ ไม่เหนื่อยครับ เต็มที่ครับ”
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศครั้งนี้ทั้งในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม และวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม ตนจะลงพื้นที่ ติดตามโครงการต่างๆทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง พร้อมยอมรับว่าการทำงานหนัก ไม่ได้พักผ่อนก็เป็นห่วงสุขภาพตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรเพราะเป็นการทำเพื่ออนาคตของลูกหลานรุ่นต่อๆไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews