Home
|
ข่าว

ปชป.ชี้”พิชิต”กระทบเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติฉุดเศรษฐกิจ

Featured Image

 

 

“อาจารย์อุ๋ย” ปชป. ชี้ กรณี “พิชิต” กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ฉุดเศรษฐกิจไทยดิ่งเหว สวนทางนายกทัวร์รอบโลก

 

 

นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีนายพิชิต ชื่นบาน ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเนื่องจากถูกครหาในเรื่องคุณสมบัติว่า ในสากลโลก โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว การที่นักลงทุนเขาจะกำเงินไปลงทุนในประเทศใดซักประเทศหนึ่งนั้น สิ่งสำคัญประการแรก ๆ ที่เขาพิจารณาคือ ประเทศนั้นมี “หลักนิติธรรม” เข้มแข็งแค่ไหน ซึ่งหลักนิติธรรมนี้หมายถึง หลักการปกครองที่กฎหมายเป็นใหญ่และบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาคคำนึงถึงสิทธิพื้นฐานของประชาชน ตัวกฎหมายมีความเป็นธรรม ทันสมัย มีที่มาชอบธรรม บุคลากรในกระบวนการยุติธรรมมีความเที่ยงธรรม ประชาชนเข้าถึงและได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม

 

เพราะหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งจะทำให้เขามีความมั่นใจว่าระบบกฎหมายของประเทศที่ตนจะมาลงทุนนั้นมีความแน่นอน น่าเชื่อถือและคาดการณ์ได้ (predictable) ไม่ต้องกังวลกับ “ต้นทุน” หรือ cost ที่มองไม่เห็น ซึ่งอาจจะต้องหมดไปกับการคอรัปชั่นและการเผชิญกับอุปสรรคที่เกิดจากกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมายที่บิดเบือน และตั้งแต่ พ.ศ. 2558 สหประชาชาติได้ประกาศให้หลักนิติธรรมเป็น 1 ใน 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่ง Word Justice Project (WJP) ได้จัดทำดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม (Rule of Law Index) เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมินความมีนิติธรรมของแต่ละประเทศในทุกปี ประกอบด้วย 8 ปัจจัยชี้วัดหลัก ได้แก่ การจำกัดอำนาจรัฐอย่างเหมาะสม การปราศจากการคอร์รัปชัน รัฐบาลโปร่งใส สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง และกระบวนการยุติธรรมทางอาญา

 

ทั้งนี้ ในปี 2566 ประเทศไทยได้คะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม 0.49 คะแนน จากคะแนนเต็ม 1 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 82 จาก 142 ประเทศทั่วโลก ถดถอยลงจากปี 2565 ที่ได้คะแนน 0.50 และต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2558 ที่ประเทศไทยเข้าสู่การสำรวจ

 

แทนที่รัฐบาลจะเร่งฟื้นฟูหลักนิติธรรมของประเทศเพื่อคืนความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก แต่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกลับใช้อำนาจตั้งคนที่มีปัญหาคุณสมบัติในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เข้ามาเป็นรัฐมนตรี และสุดท้ายก็ต้องลาออกเพราะทนกระแสสังคมกดดันไม่ไหว และตัวนายกเองกำลังจะถูกศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) จนไม่แน่ว่าจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก ถ้าท่านนายกเศรษฐายึดหลักนิติธรรม ไม่แต่งตั้งผู้ที่มีปัญหาเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เข้ามาดำรงตำแหน่งตั้งแต่แรก

 

ดังนั้น เลยสงสัยว่าที่นายกฯและคณะบินไปประเทศนู้นนี้ (ด้วยเงินภาษี) หลายสิบประเทศ และจีบแขกบ้านแขกเมืองมาลงทุน จะเปล่าประโยชน์เสียแล้ว เพราะเมื่อนักลงทุนต่างชาติเขาเห็นผู้นำประเทศอย่างท่านใช้อำนาจอย่างไม่สนใจหลักนิติธรรมของบ้านเมือง แล้วเขาจะคาดหวังได้มั้ยว่าประเทศไทยจะมีหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง เพื่อรองรับการลงทุนของเขา เศรษฐกิจไทยที่ร่อแร่อยู่แล้ว ก็จะยิ่งจมดิ่ง เพราะนักลงทุนไม่เชื่อมั่นที่จะเอาเงินมาลงทุน และจะมีอีกมากที่ทยอยขนเงินกลับประเทศ เพราะไม่มั่นใจในระบบกฎหมายของประเทศไทย ด้วยความปรารถนาดี

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube