กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ เดินหน้าตามปราบทุนจีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เตรียมหารือ สมช.กระทรวงต่างประเทศ ชี้เป็นปัญหาใหญ่ ต้องเร่งจัดการ
นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยก่อนการประชุมกรรมาธิการ กรณีแก้ไขปัญหาธุรกิจสีเทาตามแนวชายแดนที่มีความเชื่อมโยงกับการใช้ไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตของไทยว่า จากการลงพื้นที่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก มีปัญหาที่ประเทศไทยกำลังกลายเป็นแบตเตอรี่ให้กับกลุ่มทุนสีเทา
ทั้งการส่งไฟฟ้าที่มีสัญญา ส่งไฟไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งบริษัทที่รับสัมปทาน เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับทุนสีเทาไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ตนจึงเป็นห่วงในเรื่องนี้และมีข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติมมาจากการลงพื้นที่อาจมีการเซ็นสัญญาของโครงข่ายไฟฟ้าที่เคยถูกตัดไปแล้ว
ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองชเวก๊กโก เข้าใจว่ากำลังจะมีการพิจารณากันเรื่องนี้จึงต้องคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตกลงแล้วจะมีการพิจารณากันอีกหรือไม่ จะอนุมัติกันจริงใช่หรือไม่ เพราะหมายความว่าเราจะส่งไฟฟ้าไปเมืองชเวก๊กโกได้
ซึ่งปัจจุบันเมืองชเวก๊กโก ต้องพึ่งการปั่นไฟ อีกทั้งข้อมูลจากแหล่งข่าวการขายคอนโดในชเวก๊กโก จะมีการโฆษณาว่ามีไฟฟ้าติด 4-5 ชั่วโมง แสดงว่าไม่มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา แต่หากประเทศไทยส่งไฟฟ้าไปให้ธุรกิจพวกนี้จะเดินสะดวกมากขึ้น ตนจึงเป็นห่วงเรื่องนี้และเรื่องของสัญญาณโทรศัพท์ ที่มีเสาสัญญาณหันไปทางฝั่งเมียวดีประมาณ 60 เสา และมีการทำงานอยู่ ดังนั้น ต้องมีการติดตามว่าจะมีการรื้อเสาพวกนี้หรือไม่
จึงต้องเชิญ กทสช. ทรู-ดีแทค และ เอไอเอส มาพูดคุยด้วย ทั้งนี้ ความตั้งใจของตนคือทำอย่างไรให้ทรัพยากรธรรมชาติตกไปอยู่ในมืออาชญากรสีเทาให้น้อยที่สุด
ส่วนเรื่องนี้จะมีการพูดคุยกับรัฐบาลหรือไม่ เพราะถือเป็นปัญหาระดับชาติ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จะมีการคุยแน่นอน เบื้องต้นในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้กรรมาธิการจะเดินทางไปที่ สมช. ซึ่ง สมช. มีหน้าที่ดูแลภาพรวม และกำลังพิจารณาที่จะเดินทางไปกระทรวงต่างประเทศ เพราะกระทรวงต่างประเทศต้องรับปัญหาหลายเรื่อง
ซึ่งความจริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นรัฐบาลก็รับทราบ เพราะเคยมีการพูดกันในตอนที่มีการอภิปรายทั่วไป และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็รับปากว่าจะเป็นวาระที่ให้ความสำคัญ แต่จนถึงวันนี้ยอมรับว่าความคืบหน้ามีน้อยมาก และมากไปกว่านั้นอาจมีการพิจารณาให้สัมปทานต่อไฟไปยังเมืองชเวก๊กโก
ซึ่งตนไม่เห็นด้วยแน่นอน และอยากให้รัฐบาลพิจารณาให้ดี ว่าการปล่อยให้ธุรกิจพวกนี้มีต่อไป จะสร้างปัญหาให้กับคนไทยอย่างแน่นอน กลายเป็นว่าประเทศไทยเป็นผู้สนับสนุนรายสำคัญ ของธุรกิจสีเทาเหล่านี้ เพื่อให้มาหลอกคนไทยผ่านสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้คนสูญเงินเป็นล้านบาท ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
สำหรับยอดการจับกุมยังไม่เป็นที่น่าพอใจใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากถามว่าน่าพอใจไหม ก็เป็นที่น่าสนใจ อย่างการจับกุมที่ ต. จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช มีการจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาเปิดในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถขยายผลกับตัวการใหญ่ได้ ซึ่งหลังจากที่กรรมาธิการได้มีการกระทุ้งไป รองนายกฯ ท้องถิ่นในพื้นที่ได้มีการหลบหนีไป ก็น่าคิดว่าปล่อยไว้ตั้งนานทำไมถึงไม่ดำเนินการ ต้องรอให้กรรมาธิการกระทุ้ง
อีกทั้งต้องยอมรับว่า แก๊งที่อยู่ในต่างประเทศเราไม่เห็นความคืบหน้า ซึ่งเราเห็น กสทช. แอ็กทีฟบ้างก็ต้องชื่นชม แต่ผลการปฏิบัติก็ยังน้อย จึงต้องเชิญบริษัทเอกชนมาให้ข้อมูลเช่นกัน
ส่วนกรณีเที่ยวบินในไทยที่ไปลงแม่สอด มีการตั้งข้อสังเกตว่า คนจีนโดยสารเป็นจำนวนมากนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะเป็นปัญหาต่อการท่องเที่ยว เพราะมีประชาชนบางส่วนกังวลว่าแม่สอดอาจพึ่งพาการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวจีนค่อนข้างมาก ซึ่งหากคนไทยจะเดินทางไปแม่สอดต้องจ่ายค่าเครื่องบินแพงมาก ตนก็แปลกใจและจะเรียกบริษัท นกแอร์ มาพูดคุยกัน
นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าบนเที่ยวบินที่นั่งไม่เต็ม ไม่ถึง 50% และส่วนใหญ่เป็นคนจีนทั้งขาไป-ขากลับ ตนจึงพยายามถามคนในพื้นที่ว่าจุดไหนเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวจีนชื่นชอบ ซึ่งพยายามคิดว่าอาจไม่ใช่คนจีนสีเทาก็ได้ แต่ได้รับคำตอบว่าไม่น่าจะมี ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลเดียวว่าแม่สอดกำลังเป็นทางผ่านไปเมียวดี ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นปกติ ขอให้รัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะมีแนวโน้มว่าเมืองเหล่านี้กำลังเติบโตต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews