พลตำรวจโทนิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในการแถลงข่าวผลปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่ายของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
ร่วมกับ พลตำรวจโทคีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( กอ.รมน.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กรมศุลกากร โดยในห้วงวันที่ 14-22 พ.ค. 67 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ได้จับกุมกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ในจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่
เพื่อเตรียมนำไปส่งต่อให้กัยเครือข่ายและนำเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศ โดยสามารถตรวจยึดของกลางเป็นยาบ้าทั้งหมดกว่า 16.5 ล้านเม็ด จับกุมผู้ต้องหาได้ 12 ราย และกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดยังได้ตรวจยึดโคเคนที่หญิงสัญชาติเปรูกลืนเข้าสู่ร่างกาย เพื่อซุกซ่อนและนำเข้าผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 192 ก้อน น้ำหนักรวม 1.15 กก.
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15-19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ยังได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้น 5 จุด ในจังหวัดนครนายกปทุมธานีพระนครศรีอยุธยาและกรุงเทพมหานคร เพื่อขยายผลเครือข่าย K2 ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีที่มีนายจักรี ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่หลบหนีไปจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
แต่ยังคงมีกลุ่มที่ถือครองทรัพย์สินและฟอกเงินให้กับนายจักรีเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่ น่าเชื่อว่าได้มาจากการค้ายาเสพติดรวม 31 รายการ เช่น กระเป๋าแบรนด์เนม รถยนต์ พระเลี่ยมทอง สมุดบัญชีธนาคารอาวุธปืนมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท และจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย
ด้านพลตำรวจโทคีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดกล่าวว่า ในห้วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กองมาจากการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ดำเนินการกับเครือข่ายค้ายาเสพติด 4 เครือข่ายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เชียงราย พะเยา และพื้นที่ตอนในของประเทศเช่นพิษณุโลก กรุงเทพมหานคร รวมถึงผู้ลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และยังดำเนินการตรวจสอบยึดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันสามารถจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดได้มากขึ้นถึงร้อยละ 70 ตรวจยึดยาบ้าได้มากขึ้นถึง 100% แม้จะมีบางส่วนที่เล็กน้อยเข้าสู่ชุมชน แต่เจ้าหน้าที่จะระดมกวาดล้างเครือข่ายระดับกลางและผู้ค้ารายย่อยในชุมชนด้วยซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกำชับให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ร่วมกันติดตามจับกุม
ซึ่งปัจจุบันสามารถจับกุมได้แล้วถึง 70,989 คดี เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เชื่อว่าผลจะต้องผลลัพธ์จะปรากฏในระยะกลางและระยะยาว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews