ยิ่งกว่าแผ่นดินไหวสำหรับ” รัฐบาลพรรคเพื่อไทย” กับ “ด่านแรก” คดีการเมืองที่ “อัยการสูงสุด”ประทับตราสั่งคดี ม.112 ทักษิณ มีมูลและส่งฟ้องศาล ที่ถือเป็น “สัญญาณแรก” ของการ “ตีไปที่จุดสลบ”
หัวขบวน” อย่าง “นช.ทักษิณ” ที่กำลังพีค ปล่อยแสงเปล่งบารมีการเมืองไปทุกทิศทั่วไทยในฐานะ “ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล” ที่ถูกมิตรรักแฟนเพลง “ฝ่ายอนุรักษนิยม”ที่เคยเป็น “โจทย์” กันมาตั้งแต่สมัย “พันธมิตร” จนถึง “กลุ่ม กปปส.” หมั่นไส้มาตั้งแต่กลับไทย (22ส.ค.66) ตาม “ดีลลังกาวี” เพื่อรับโทษแบบไม่ต้องติดคุกแต่ไปนอน “ชั้น14” โรงพยายาลตำรวจ กระทั่งได้รับการ “พักโทษ” จนกลับมานอน “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เลี้ยงหลานหรือแค่อยู่นิ่ง ๆ เหมือนที่รับปาก
แต่ “ทักษิณ” กลับแอ๊คชั่นไม่มีแผ่ว แบบลืมว่าเคยป่วย “ปล่อยแสง” เปล่งบารมีเข้าไปเกี่ยวข้อง “ทุกวง” อำนาจ แม้ทั่ง “ฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ” ทำเนียบรัฐบาล-พรรคเพื่อไทย จนถนนทุกสายทางการเมืองวิ่งเข้าหา แม้กระทั่ง “นายกเศรษฐา” แบบเป็นที่รับรู้ว่าทุกสิ่งอัน “ทักษิณ” อาจอยู่เบื้องหลังการแนะนำ “ผู้มีอำนาจในรัฐบาล”กระทั่งระยะหลัง “รุกคืบ” เข้าไปกระทบผลประโยชน์ “พรรคร่วมรัฐบาล”เช่นการปรับครม.เศรษฐา1/2 แบบที่ทำให้ “ทุกฝ่าย” แม้กระทั่ง “ฝ่ายอนุรักษ์” เข้าใจไปว่า “ทักษิณ” อาจมีแบ็คอัพติดต่อข้ามไปยัง “ผู้มีอำนาจ” เหนือกว่า “ผู้คุมดีล”
ที่ไม่แปลกว่า “การสั่งฟ้องคดี112” (29พ.ค.) จนทำให้ “ทักษิณ” ต้องชิ่ง “ติดโควิด”เพื่อ “ตั้งหลัก” แต่ก็ต้องไปรายงานตัวเพื่อถูกนำตัวส่งศาลอาญา 18 มิ.ย.
จะถูกมองนอกจากเป็นการสัญญาณ “สั่งสอนทักษิณ” จาก “ขั้วอำนาจเก่า”ต่อเนื่องมาจากคดี “ถอดถอนเศรษฐา” ที่ตั้ง ทนายถุงขนม “พิชิต” เป็น รมต. (23พ.ค.) ที่มีคิว “เศรษฐา” ต้องชี้แจงใน 15 วัน และคดีน่าจะสรุปจากศาลรัฐธรรมนูญใน 30 วันราวปลายเดือน ก.ค.67 นอกจากจะถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องใน “ไทม์ไลน์การเมือง”3 เดือนจากนี้ ยังถูกมองว่าเป็นการดับ “บารมี” ของ “ทักษิณ” และอาจมีการ “ปรับดุลการเมือง”
ระหว่าง “ขั้วอำนาจเก่า” กับ “ฝ่ายทักษิณ” ในการใช้บริการไปสู้รบตบมือกับ “พรรคเด็ก-ก้าวไกล”ที่ก็จ่อมีคดี “ยุบพรรค” ที่ต้องส่งคำชี้แจงภายในวันที่ 2 มิ.ย.ก่อนที่จะมีการเคาะตัดสินราวปลายเดือน ก.ค.67 ที่แม้ว่าภาพของ “รัฐบาล” โดย “เศรษฐา” จะมีภาพของการเชิญ “อ.วิษณุ เครืองาม” เข้ามาเป็น “กุนซือนายกฯ” ที่ถูกมองในหลายมิติ ทั้งเป็น “ตัวช่วย” และ “ผู้คุมเชิง” รัฐบาลไปจนกว่าจะมีการ “เปลี่ยนตัวผู้นำ” ในโมเดลที่ฝ่าย “อำนาจเก่า” เคยคิดและสะท้อนผ่าน “อ.วิษณุ” ที่เคยบอกไว้สมัยตั้ง “รัฐบาลลุง” หลังเลือกตั้งปี62 ว่า “เสียงข้างน้อย” ก็เป็นแกนนำรัฐบาลได้
อย่างที่ “ชัยธวัช-ก้าวไกล” ก็มองว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ “คดี112ทักษิณ”เป็นการเดินเกมดึงขั้วอำนาจเก่ากลับมาเป็นรัฐบาล ของ “กลุ่มอำนาจเก่า” ที่ย่อมส่งผลกระทบ ไม่แต่เพื่อไทย แต่กระทบในวงกว้างกับฝ่ายประชาธิปไตย โดยบอกว่าต้องจับตาดูสถานการณ์โดยรวมน่าเป็นห่วง ความมีเสถียรภาพ ความชัดเจนแน่นอนทางการเมือง
โดยรวมมีปัญหา เมื่อการเมืองไม่มีเสถียรภาพการที่จะมีสมาธิโฟกัสไปกับการแก้ปัญหาของประเทศเฉพาะหน้าและระยะยาวจะถูกกระทบไปด้วย เชื่อว่าฝ่ายการเมืองก็คงจับตาดูสถานการณ์อยู่โดยรวมสถานการณ์การเมืองก็ไม่ดีมากนัก เช่นเดียวกับ “ตู่-จตุพร” ที่ส่ง “สัญญาณ” เตือนมาตลอดที่มองว่า คำสั่งฟ้องทักษิณคดี 112 ถือว่าเป็นการ “ดับไฟเขียว” ที่มีการอ้างสถาบันมากว่า 9 ด.โดยประเมิน “ทางรอด” ของ “ทักษิณ” อยู่ที่ “เศรษฐา” ลาออก ถ้าไม่ออก18 มิ.ย. จะมีภาพการเบี้ยวการไปศาลอีก
ขณะที่ “อ.แก้วสรร อติโพธิ์” นักวิชาการอิสระที่เคยอยู่ในขบวนการโค่นทักษิณในอดีตมองว่ามีโอกาสที่ “ทักษิณ” จะได้ประกันตัวเพราะไม่ถือเป็น “คดีใหม่” แต่ก็ต้องสู้ไป 3 ศาลจนถึงชั้นฎีกาที่ต้องใช้เวลา 3-4 ปี ส่วนจะไปเลือกหนีเอาตอนศาลฎีกาจะอ่านคำพิพากษาก็ได้ โดยใช้ถุงขนมจนรู้คำพิพากษาก่อน พอรู้ว่าต้องโทษแน่ ๆ ก็หนี แต่จากวันนี้
เขายังมีเวลาอยู่ในเมืองไทยอีกนาน และมองว่าในทาง “ลี้ลับ” ทางการเมืองคนนี้ทำได้ทุกอย่างแต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อเสียบารมีขนาดนี้แล้ว ในพรรคและพวกสีแดงจะมีใครฟังอีกหรือไม่ ส่วนที่เปิดเผยบนดินนั้น น่าจะสั่งการเทกำลัง สส.ไป สนับสนุนการเพิ่มความผิดตามมาตรา 112 ลงในร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของก้าวไกลด้วยก็ได้เพราะนี่คือทางรอดคดีทางเดียวของเขา ส่วนที่ว่าการเมืองไทยจะเกิด “แดง” บวกกับ “ส้ม”จนเป็นพันธมิตรสี “แสด” นั้น ต้องรอดูว่าพรรคก้าวไกลจะก้าวสั้น ๆ อย่างนั้นหรือไม่….ทางสวรรค์มี ไม่รู้จักเดิน.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
