ความคืบหน้าการควบคุมตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด หลังเสร็จขั้นตอนการสอบปากคำแจ้งข้อหาและฝากขังที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งการสอบปากคำของพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง แล้วเสร็จ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยตำรวจสอบสวน แป้ง นาโหนด ถึงช่วงเวลา 04.30 น. จากนั้น ในช่วงเวลาประมาณ 8.00 น. เจ้าหน้าที่ ได้นำตัว นายแป้ง ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนที่จะมีการ คุมตัวขึ้นเครื่องบินตำรวจ ออกจากสนามบินนครศรีธรรมราช มายังกองบินตำรวจ ย่านดอนเมือง โดยมี เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ หนุมาน กองปราบปราม คุมตัว นายเชาวลิต มาตลอดการเดินทาง จาก จ.นครศรีธรรมราช มาถึง กองบินตำรวจ เมื่อเวลา 11.20 น.
ทันทีที่มาถึง เสี่ยแป้ง ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษ และสวมเสื้อเกราะกันกระสุน ถูกพาตัวขึ้นรถตู้สีขาว โดยมีการตั้งขบวนรถ เป็นรถจักรยานยนต์ขอฃตำรวจ จราจรกลาง นำหน้า ตามด้วยรถของกอฃปราบปราม และรถตู้ของกรมราชทัณฑ์ และปิดท้ายขบวนด้วยรถตู้สีดำและรถตำรวจ ออกจากกองบินตำรวจ มุ่งหน้าไปยัง เรือนจำกลางบางขวาง แล้ว
ทางด้าน นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง เปิดเผยถึงขั้นตอนการรับตัวนายเชาวลิต หรือแป้ง นาโหนด ว่า เมื่อนายเชาวลิต เข้าสู่เรือนจำกลางบางขวางแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการตรวจร่างกายผู้ต้องขังเข้าใหม่และผู้ต้องขังเข้า-ออกเรือนจำ พ.ศ. 2561 ดังนี้
โดยการตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นบุคคลตามชื่อที่ปรากฏในหมายอาญาที่ระบุให้มีการย้ายตัวมายังสถานคุมขังจริงหรือไม่ หรือเอกสารอันเป็นคำสั่งของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฏหมายหรือไม่ ประกอบด้วย การตรวจสอบชื่อนามสกุลและเลขประจำตัวประชาชนของผู้ต้องขัง ตามที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชาชน และพิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องขัง และเทียบความถูกต้องกับลายพิมพ์นิ้วมือที่ส่งมา คือการ จัดทำทะเบียนประวัติผู้ต้องขัง” ในวันที่รับตัว
นายยุทธนา เผยอีกว่า เมื่อจัดทำทะเบียนประวัติผู้ต้องขังเสร็จสิ้นแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจค้นตัวและสัมภาระ ถัดไปจะเข้าสู่ขั้นตอนการคัดกรองโรค โดยเจ้าหน้าที่พยาบาล หรือผู้ที่ผ่านการอบรมด้านงานพยาบาลของเรือนจำฯ ดำเนินการตรวจสุขภาพเบื้องต้นแก่ผู้ต้องขังและสอบถามเรื่องโรคประจำตัว ยารักษาโรคต่าง ๆ อีกทั้งจะมีการบันทึกรายงานเกี่ยวกับบาดแผลหรืออาการเจ็บป่วยของผู้ต้องขังก่อนเข้าเรือนจำฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อใช้ยืนยันว่าผู้ต้องขังได้มีลักษณะบาดแผลหรืออาการเจ็บป่วยมาก่อนที่จะเข้าไปในเรือนจำหรือไม่
ท้ายสุดผู้ต้องขังจะถูกแยกไปทำการกักโรคโควิด-19 ที่ห้องกักโรคของสถานพยาบาลภายในเรือนจำฯ ระยะเวลา 5 วัน เนื่องจาก นายเชาวลิต เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอินโดนีเชีย ส่วนระหว่างการกักโรค (ห้องเดี่ยว) จะไม่ได้อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังใหม่ เพราะเรือนจำกลางบางขวาง เป็นเรือนจำความมั่นคงสูง ไม่ค่อยมีการรับตัวผู้ต้องขังใหม่รายวัน
เมื่อครบกำหนดระยะเวลาไม่พบว่ามีเชื้อโควิด-19 ทางคณะทำงาน นำโดยผู้บัญชาการสถานการณ์ที่มีนายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธาน จะพิจารณาว่าควรนำตัวนายเชาวลิตไปคุมขังยังแดนขังใด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews