นายกฯเศรษฐา ทวีสิน มีคดีถอดถอนในศาลรัฐธรรมนูญให้คอยกังวล ต้องลุ้นตัวโก่งจะออกหัวหรือก้อย แม้ “วิษณุ เครืองาม” มือกฏหมายเทวดามาช่วยดูคำชี้แจงให้ แต่ผลก็ยากจะคาดเดาอยู่ดี
สัญญาณเดียวที่เห็นว่า น่าจะดี คือสีหน้าที่แจ่มใสกว่าช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาของนายกฯเศรษฐา เพราะน่าจะโล่งใจไปในระดับหนึ่งแล้ว ที่เหลือคือรอไปทีละขั้นตอน ตามกระบวนการของศาล ส่วนเกมการเมืองที่รายล้อม นิรโทษกรรม ม.112 ที่อยู่ในขั้นตอนของสภา น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญต่ออนาคตของรัฐบาล เพราะเพื่อไทย กับพรรคร่วมเริ่มเห็นต่างกันในประเด็นนี้แล้ว
โดยที่พรรคร่วมสายอนุรักษ์ดั้งเดิม “ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ-ชาติไทยพัฒนา” โชว์จุดยืนกันออกมาหมดแล้ว ไม่เอานิรโทษกรรมเหมาเข่งรวม 112 สวนทางกับท่าทีเพื่อไทย ที่เอียงไปทางก้าวไกลมากขึ้น หลัง”ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่โดนคดี อัยการนัดส่งตัวต่อฟ้องศาล 18 มิ.ย.นี้ และเหตุการณ์ในวันนั้น จะยิ่งกลายเป็นตัวแปรที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ไม่ว่า “ทักษิณ” จะมา หรือไม่มาศาล
เพราะผลที่ออกมา จะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ต่อคดี 112ไปในทันที ว่าจะเหมือนกับในอดีต ที่นักเคลื่อนไหวการเมือง เยาวชน เผชิญมา และกำลังเผชิญอยู่หรือไม่ จะเป็นบททดสอบกระบวนการยุติธรรมของไทย ว่าจะเรียกคืนศรัทธา จากประชาชนได้แล้ว หรือจะต้องคำครหาว่า 2 มาตรฐานอยู่ต่อไป
ท่าทีของ”นายกฯเศรษฐา” ต่อกรณีนิรโทษกรรม 112 พยายามบ่ายเบี่ยง หลบเลี่ยงที่จะตอบในเรื่องนี้มาตลอด พยายามโยนออกไป เป็นเรื่องของส.ส. เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฏร ดำเนินการ ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ต่างจากรองนายกฯ “ภูมิธรรม เวชยชัย” และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่พูดกันไปคนละทิศคนละทาง จนจับอาการได้ว่า หากมีการขับเคลื่อนนิรโทษกรรม และพ่วง 112 ด้วย
ในสภาจะเกิดภาพของความขัดแย้ง แตกแยกในจุดยืนทั้ง 2 ฝ่าย รัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ กับพรรคร่วม อย่างน้อย 4 พรรค ก็จะเห็นไม่ตรงกัน ในขณะที่ซีกฝ่ายค้าน แม้ก้าวไกล ที่มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”คอยเป็นผู้นำ จะเป็นเสียงส่วนใหญ่ และต้องการให้เหมาเข่ง แต่อีก 2 พรรคคือ ประชาธิปัตย์ และ ไทยสร้างไทย ก็มีจุดยืนแบบเดียวกับสายอนุรักษ์ ไม่นิรโทษ ไม่แตะต้อง 112 เด็ดขาด เท่ากับว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่านค้าน ล้วนเสียงแตกหากจะนิรโทษแบบเหมาเข่ง และหากดูตามจำนวนของ ส.ส.ที่มีอยู่
โดยเฉพาะเพื่อไทยกับก้าวไกล หากจับมือกันผลักดันจริงๆ ก็ยังพอไปไหว ผ่านสภาได้แบบสบายๆ แต่จะผ่านไปตลอด รอดฝั่งหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องที่ต้องติดตาม เพราะกรรมาธฺการชุดนี้แค่ศึกษา ยังไม่ใช่ขั้นตอนการเสนอ ร่าง พรบ.เข้าสภาแต่อย่างใด แถมยังมีตัวแปรนอกสภา ที่อาจผลักดันให้สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงพลิกผันอีกระลอกก็ได้ โดยเฉพาะม็อบ คปท.ที่อาจจะจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้น ระเบิดเวลาจริงๆ ของนิรโทษกรรม คือ คดี “ทักษิณ” หากเพื่อไทยดึงดันจะเอาแบบเหมาเข่ง
ภาพความขัดแย้งครั้งเก่าก็จะกลับมาหลอนอีกครั้ง แต่หากนิรโทษโดยไม่มี 112 ภาพความปรองดองสมานฉันท์ แบบสมประโยชน์ของบางฝ่าย บางคนก็จะเดินหน้าต่อไป รัฐบาลของนายกฯเศรษฐา ก็จะสามารถทำงานต่อไปได้แบบราบรื่น แล้วค่อยไปวัดดวงกันใหม่ในสนามเลือกตั้งอีกที
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews