“กัณวีร์”ขอถอนคำพูด ติงนายกรัฐมนตรีไทย ตัดโอกาสไม่ยอมพบข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน UN หนีคำถามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีของไทย ไม่รับนัด นายโวลเกอร์ เติร์ก (Volker T?rk) ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติ ที่มาเยือนกรุงเทพมหานครระหว่างวันที่ 5-7 มิ.ย.67 จนต้องเปลี่ยนเป็นเพียงการ “แวะพัก”
นายกัณวีร์ กล่าวว่า คงต้องถอนคำพูด จากที่กำลังจะชมนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้ว่ามีท่าทีเปลี่ยนไปเรื่องของการต่างประเทศ กรณีการร่วมลงนามเรียกร้องการหยุดยิงในอิสราเอล-กาซา แต่มีประเด็นเรื่องการไม่รับนัดข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เกิดขึ้นอีกจึงรับไม่ได้จริงๆ กับการกระทำของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องพิธีทางการทูต และการปฏิบัติตัวในเวทีระหว่างประเทศ จึงขอถอนคำพูดที่ได้ชมไปเมื่อวานนี้
จากกรณีที่ ทั้ง รมว.กระทรวงการต่างประเทศ และผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลไม่ยอมพบกับข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ นายโวลเกอร์ เติร์ก (Volker T?rk) ระหว่างการเยือนไทยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
“น่าเศร้านะครับโอกาสมาถึงรัฐบาลเหมือนคำพูดที่ว่า “เตะหมูเข้าปากหมา” แต่หมาก็ไม่กลืนกิน แถมขย้อนออกไปอีก ทั้งๆ ที่กำลังจะมีโอกาสที่จะสอบถามเบอร์ 1 ของสำนักงาน OHCHR ที่จะสนับสนุนเราได้อย่างดีที่สุดที่จะแนะนำว่าไทยควรทำอย่างไรถึงจะได้เป็นทั้งสมาชิกและ/หรือเป็นประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่ไทยจะลงแข่งขันในปีนี้ แปลกแต่จริง”
นายกัณวีร์ กล่าวอีกว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะติดภารกิจอะไรเร่งด่วนเป็นเซลล์แมนที่ไหนก็ตาม สามารถมอบหมายครับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพบปะหารือได้ จึงไม่แน่ใจว่าพิธีทางการทูตเข้าใจยากหรือไม่มีผู้แนะนำ
อย่างก่อนหน้านี้ รมว.ยุติธรรม ยังไปพบนายโวลเกอร์ที่ออสเตรีย ยังไปขอเข้าพบได้ เพราะเป็น protocol ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าทางข้าหลวงใหญ่ฯ ไม่ได้บินมาเฉยๆ โดยไม่บอกล่วงหน้าเพราะเป็นการเดินทางเยือนแบบทางการของผู้บริหารระดับสูงของ UN แต่ต้องลดระดับลงมาแค่ “แวะพัก”
“หรือท่านแค่กลัวที่ไม่สามารถตอบคำถามที่มันตอบไม่ได้ อาทิ เรื่องการดูแลผู้ต้องกักในเรือนจำจนทำให้มีผู้เสียชีวิต การมีสองมาตรฐานในการดูแลนักโทษ การดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง การใช้กฎหมายปิดปากเป็นว่าเล่นซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากพวกที่ยึดอำนาจ
การกดปราบข้ามชาติ การผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้นกำเนิดโดยไม่เคารพหลักจารีตประเพณีระหว่างประเทศ การขังลืมชาวอุยกูร์โดยไม่มีกำหนด การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมที่ไม่ยึดหลักมนุษยธรรมในประเทศเมียนมา การที่คดีตากใบกำลังหมดอายุความและรัฐบาลก็นิ่งเฉย ฯลฯ”
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า หากกลัวเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ตนขอเสนอให้นายกรัฐมนตรี ต้องเปลี่ยนจุดยืนโดยเร็วก่อนเรื่องสิทธิมนุษยชนและกรอบความคิดทางมนุษยธรรม ถึงแม้ผลการทำงานของรัฐบาลไม่มีอะไรคืบหน้าเลย แต่แค่นายกรัฐมนตรียอมรับและยึดมั่นว่าจะเปลี่ยน และพูดถึงเรื่องต่างๆ เหล่านี้อย่างมีหลักการและเอาจริงเอาจัง และวางแผนเป็นโรดแมป (roadmap) อย่างมีเหตุและผลและมีตารางเวลาทำงาน ให้เห็นว่าจะดำเนินการอะไร อย่างไร และเมื่อไหร่
ตนเชื่อว่าไทยจะได้รับการสนับสนุนในการสมัครเป็นคณะมนตรีสิทธิฯ ได้อย่างดี แต่น่าเสียดายที่ไทยปล่อยโอกาสไปเสีย ไม่พอ เหยียบย่ำโอกาสอันดีนี้ด้วยเท้าของตัวเอง จึงอย่าหวังว่าจะได้รับการสนับสนุน เพราะเป็นใครใครก็ไม่เอา
“นี่ยังไม่รวมกรณีที่ไทยช่วยส่งทหารเมียนมา จำนวน 33 คน ที่หลบหนีข้ามมาฝั่งไทยหลังจากฐานที่มั่นบริเวณตรงข้าม อ.อุ้มผาง ถูกตีแตก กลับไปยังมือทหารเมียนมาในฝั่งเมืองเมียวดีแล้วโดยไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ แต่เป็นข้อตกลงกันทางทหารระหว่างผู้นำกองทัพไทยและกองทัพเมียนมา ทั้งๆ ที่การส่งกลับนี้ได้ถูกคัดค้านจากทุกภาคส่วนเนื่องจากทหารทั้ง 33 คนนี้ถูกกล่าวหาว่าได้ฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์ขณะปฏิบัติหน้าที่
รวมถึงผู้หญิงท้องด้วย จึงมีข้อเรียกร้องให้ดำเนินคดีฐานเป็นอาชญากรสงคราม อย่างไรก็ตามไม่มีคำตอบใดๆ จากกองทัพไทยและในที่สุดได้มีการส่งกลับทหารเมียนมากลุ่มนี้คืน SAC เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา”
นายกัณวีร์ ตั้งข้อสังเกตว่า หรือนี่คือเหตุผลทั้งหมดที่นายกรัฐมนตรีของไทยต้องหนีการพบปะกับข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพราะตอบไม่ได้ หรือไม่รู้จะตอบอะไร ถ้าไทยไม่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงท่าทีใดๆ ยังคงอยากเดินตามอดีตรัฐบาลทหาร ในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม หรือยังคงสนุกอยู่ต่อการใช้ความมั่นคงนำการต่างประเทศ และเลือกที่จะเป็นเซลล์แมนวิ่งหาคนมาลงทุนอย่างเดียว
“ท่านลองเปลี่ยนวิธีคิดบ้างครับ การทำงานเวทีระหว่างประเทศของไทยที่เป็นประเทศขนาดกลาง ก็เหมือนกับทางภาคธุรกิจที่ท่านถนัดแหละครับ ลองทำแบบ “less efforts, but more impacts” หรือที่เรียกว่า “ลงแรงน้อย แต่ผลตอบแทนคุ้มค่า” มันคือการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและงานมนุษยธรรมครับ ท่านจะเห็นผลที่แตกต่างทันที การค้าการลงทุนจะวิ่งหาท่าน ไม่ใช่วิ่งหนีท่านอย่างที่เป็นครับ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews