“18มิถุนายน” วันแห่ง “นิติสงคราม”ของ “ฝ่ายอำนาจ” บรรจงบริหารจัดการมัดรวม “4คดีความยึดการเมือง” อัยการสูงสุด นัดส่งตัว “ผู้ต้องหาทักษิณ ชินวัตร” ฟ้องศาลอาญา คดีถอดถอน “เศรษฐา ทวีสิน” ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “คดียุบพรรคก้าวไกล”และ “คดีพรป.เลือกวุฒิสมาชิกขัดรัฐธรรม”
ทุกคดี “ศาลรัฐธรรมนูญ” เลื่อนจากวันประชุมปกติพุธที่19มิ.ย.มาเป็น “18มิถุนายน” วันเดียวกันกับ “คดี112ทักษิณ” ไทม์ไลน์แห่ง4สมรภูมินิติสงคราม” การเมือง3ก๊ก”เป็น “วาระพิเศษสุด” โดย “ไม่ได้บังเอิญ” อย่างแน่นอน
เป็นการกำหนดของ “ฝ่ายอำนาจ” เพื่อให้การวินิจฉัยแต่ละคดีเป็นบรรทัดฐานตามรัฐธรรมนูญและส่งผลสอดรับและผูกพันต่อกัน ทั้ง “สมการการเมือง” ในฐานที่มั่นรัฐสภา สภาผู้แทนราษฏร โดยมี คดียุบพรรคก้าวไกลและการตีความ “กฏหมายเลือกสว.” เป็นปัจจัย กับอีก2สมรภูมิรบ “คดี112ทักษิณ” และ “ถอดถอนนายกฯ” ส่งผลต่อดุลภาพในพรรคร่วม “รัฐบาลเศรษฐา” ฝั่งป่ารอยต่อ พลังประชารัฐ(พปชร.) และ รวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กับฝ่าย เพื่อไทย(พท.)และ ก๊กก้าวไกล(กก.) โดยให้เป็นไปตาม “รัฐธรรมนูญฉบับคสช.”ตามที่ “นช.ทักษิณ” อ้างถึง..
การออกมาฟาดงวงในงานบวชของ “ทักษิณ” ไม่ได้เป็นเหตุพลั้งเผลอเฉกเช่นกัน หากแต่เป็นการตอกย้ำในเจตนา อาจจะออกอาการ “คำราม”หรือ “ร้องขอชีวิต”จากประชาชนเพื่อความเห็นใจทั้งที่กลเกมการเมืองที่ผ่านมาไม่มีการยึดโยงกับผู้คนแม้แต่น้อย
มีความพยายามเพื่อความสำเสร็จแห่งภารกิจของฝ่ายตน แย่งชิงหรือรักษาไว้ซึ่งอำนาจและผลประโยชน์ เพียงแต่มีข้อจำกัดอันมิอาจปฏิบัติให้เป็นไปได้ตามดีลเมื่อครั้งจัดตั้ง “รัฐบาลผสมข้ามขั้ว” การส่ง สัญญาณของ “ทักษิณ” โยนระเบิดใส่ฝั่งอำนาจ “ป่ารอยต่อ”หรือ “คสช.” ผู้กำเนิด “ทฤษฏีต้นไม้พิษ” มาตั้งแต่ต้นหลังปฏิบัติการยึดอำนาจ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”น้องสาวทักษิณ โดยฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเก่าร่างฯฉบับใหม่ “คสช.”และ แต่งตั้งคณะกรรมการอรหันต์ใน7องค์กรอิสระรวมถึง9ท่านเปาแห่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ”และ “คณะกรรมการเลือกตั้ง”
การขับเคลื่อนในทุกกระบวนท่าเป็นไปโดยข้อกฏหมายและเครือข่ายของ “คสช.”ตาม “รัฐธรรมนูญฉบับต้นไม่พิษ” อันสอดคล้องและสอดรับกันกับตัวบุคคล ตั้งแต่ “ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์”และ อ๋อง นิติบริกรผู้น้อง “วิษณุ เครืองาม”ที่ถูกจัดส่งเข้ามาใน “รัฐบาลเศรษฐา”เพื่อบริการสร้างดุลทางการเมือง “ความสมประโยชน์”และ “เปิดทางรอด”ให้ “ทักษิณ”และ “นายกฯเศรษฐา” ขณะ “พรรคก้าวไกล”ศัตรูเป้าหมายซ้ายสุดขอบ แห่ง “เสรีประชาธิปไตย” ซึ่งอาจเป็น “ตัวแปร”ให้กับ “เพื่อไทย”กลับขั้ว จำต้องกำจัดลดเงื่อนไขการถ่วงดุลสมการ “การเมือง3ก๊ก”ในสภาฯ..เฉกเช่นการยกเลิกเลือกสว.หากพรป.กกต.ขัดรัฐธรรมนูญและมีแนวโน้มสว.ด้อมส้มเลือกกันเองอาจเข้ามาถ่วงดุลในรัฐสภาจำนวนมากและกระทบต่อความมั่นคงอย่างใหญ่หลวง..
“ทักษิณ”สร้างเงื่อนไขภายใน “พรรคร่วมรัฐบาล” โดยเฉพาะ “พรรคการเมืองทายาทป่ารอยต่อ” ”พปชร.”และ “รทสช.”และ “พรรคก้าวไกล”อาจถูกกำจัดเด็ดขาดถึง2คดีซ้อน นอกจาก “คดียุบพรรค”ยังมี “ปม44สส.”อาจเป็นคดีตัดสิน “ผิดจริยธรรมร้ายแรง”เสียที่นั่งในสภาไปร่วม50คน ซึ่งเป็นยุทธการต้อน “เพื่อไทย”เข้ามุมและ “ตัดเกม”การกลับขั้วไปจับมือกับ”พรรคก้าวไกล”ได้..
อัยการสูงสุด”จะรับฟัง “คำร้องขอความเป็นธรรม”ของ “ทักษิณ”ก็คงสุดพิสดาร ทั้งที่ผ่านกระบวนการสั่งฟ้อง มาถึงขั้นตอน “นัดส่งตัวผู้ต้องหา” ให้ศาลตัดสินแล้ว..ประเด็นสำคัญ “18มิถุนายน”ศาลอาญาจะให้ “ทักษิณ”ประกันตัวหรือไม่ “ศาลรัฐธรรมนูญ”จะตัดสินคดี “ถอดถอนนายกฯ”หรือไม่ จุดจบ “คดียุบพรรคก้าวไกล” และ คดีพรป.เลือกสว.ขัดรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร ผลแห่งคดีมัดรวม4ความตามข้อกฏหมายปฏิบัติการจะต้องเป็นบรรทัดฐานในกรอบแห่ง”รัฐธรรมนูญคสช.”
เท่ากับ”4คดีความแห่งนิติสงคราม”เป็นการยึดอำนาจทางการเมืองซ้ำของ “คนป่ารอยต่อ” ต่อยอดจากปฏิบัติการส่ง “วิษณุ”เข้าจัดการกับ”ฝ่ายบริหารประเทศ”เป็นที่เรียบร้อยแล้ว..”ชนะโดยไม่ต้องรบ”คือ”ชัยชนะที่แท้จริง”..!!
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
