ลุ้นระทึกคดีการเมืองซึ่งจะกองรวมกันในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ประกอบด้วย 1.ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณายุบพรรคก้าวไกล 2.การถอดถอนนายกรัฐมนตรีจากกรณีแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีปัญหาจริยธรรมคุณสมบัติ 3.พ.ร.ป.
การได้มาซึ่งสว.ขัดแย้งรัฐธรรมนูญหรือไม่ และยังเป็นวันที่อัยการสูงสุดนัดอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” รับคำฟ้อง ซึ่งแน่นอนว่า ปัจจัยดังกล่าวย่อมสร้างความกังวลใจให้กับเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่น เพราะมีพรรคเพื่ออยู่ในสมการทางการเมืองที่เกิดขึ้น
และที่สำคัญ ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองดังกล่าว ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงอยู่ในฝั่งขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง สะสมเป็นวันที่ 16 ติดต่อกัน รวมทั้งสิ้น 3.4 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนส่วนใหญ่จะรอดูว่า ผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องกรณีของพรรคก้าวไกลและนายกฯเศรษฐา จะอยู่หรือไป เพราะผลลัพธ์ของ 2 เรื่องนี้ มีผลต่อตลาดหุ้นมากที่สุด เนื่องจากเชื่อมโยงต่อนโยบายและความต่อเนื่องในการบริหารประเทศ
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า แรงกดดันทางการเมือง เดินหน้าเร็วกว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และการเสริมประสิทธิภาพให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สะท้อนได้จากคดีสำคัญๆ ทางการเมือง เริ่มตั้นตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 2567 ทยอยสะสมมาเรื่อยๆ 4 คดี โดยมากระจุกให้เห็นความเปลี่ยนแปลงตัวพร้อมกันในวันที่ 18 มิถุนายน
ทั้งนี้ การเมืองที่แรง เสถียรภาพตลาดหุ้นต่ำ นำไปสู่ FUND FLOW ต่างชาติไหลออกทุกวัน ซึ่งตลอด 3 สัปดาห์ หรือ 16 วันทำการที่ผ่านมา ทั้งขายหุ้น ขายผ่าน PROGRAM TRADING และยัง SHORT SELL หนัก กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยตกหนักอีก ซึ่งรายละเอียดแรงกดดันที่มากกว่าปกติ มีดังนี้
1. ตลอด 16 วันทำการ SET INDEX ปรับตัวลงหนักเกือบ 6%
2. ตลอด 16 วันทำการ ต่างชาติขายสุทธิ หุ้นไทยทุกวัน ด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 3.1 หมื่นล้านบาท
3. ตลอด 16 วันทำการ PROGRAM TRADING ขายสุทธิ หุ้นไทยทุกวัน ด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 2.8 หมื่นล้านบาท
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews