หลังเปิดสภาสมัยวิสามัญ อภิปรายร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 กันแบบฉ่ำ 3 วันเต็มๆ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เดินทางเข้าสภาทุกวัน ฟัง ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ สะท้อนปัญหาการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล ก่อนจบลงด้วย มติ 311 ต่อ 175 เสียง โดยที่ รัฐบาลหายไปอย่างน้อย 3 เสียง ส่วนฝ่ายค้านเสียงก็หายไปอีกจำนวนหนึ่ง ไม่เต็ม 500
ในการลงมติครั้งนี้ ส่วน พรรคไหนหายไป ใครเป็นงูเห่า คงไปว่ากันอีกที หลังรับหลักการในวาระแรก ก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการ ขึ้นมาชุดหนึ่ง จำนวน 72 คน เพื่อปรับแก้ไขในรายมาตราก่อนเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาอีกครั้ง ในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป แต่กว่าจะผ่าน 3 วัน ของการอภิปราย ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล ต่างทำหน้าที่กันอย่างขยันขันแข็ง และเป็นมิติใหม่ของการทำานสภาเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องประดิษฐ์วาทกรรม เพื่อเชือดเฉือนกัน ก็เป็นสีสันหนึ่งของการอภิปราย
ซึ่งตลอด 3 วัน ก็มีวาทกรรมที่แตกต่างกันไป ตามความเชี่ยวชาญในสำนวนโวหารของแต่ละท่านผู้ทรงเกียรติ “ชัยธวัช ตุลาธน” ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ใช้คำว่า “จัดงบฯ68มักง่าย สายตาสั้น”สะท้อนถึงการจัดงบแบบไม่ลงรายละเอียด ก่อนจะทิ้งท้ายโจมตีงบประมาณดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ด้วยวลีเด็ด “ดันทุรังแบบเจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้” จนกลายเป็นเทรนในสื่อออนไลน์ X จากนั้น “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ลูกศิษย์ก้นกุฏิของใบมีโกนอาบน้ำผึ้งก็ลุกขึ้นมาประดิษฐ์วาทกรรมถล่มต่อ
โดยใช้คำว่า “งบเป็ดขี้เหร่” ชักแม้น้ำทั้ง 5 มาบรรยายว่าไม่เหมาะสมอย่างไร ก่อนพุ่งเป้าไปที่ดิจิทัลวอลเล็ต ว่าจากนโยบายเรือธง แต่ลาดยาวไม่เสร็จเสียที จนกลายเป็นนโยบายเรือเกลือ พร้อมปิดท้ายตั้งฉายาให้นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เป็น “นักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ” จากการใช้ผ้าขาวม้าที่ได้จากชาวบ้านในการลงพื้นที่พันคอโชว์ตัวในการเดินทางไปต่างประเทศ
และยังมีอีกหลายคำจากซีกฝ่ายค้าน อาทิ “นักวิ่งราวทรัพย์” จากปากของชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้แต่ “วิโรจน์ ลักขณอดิศร” หัวหมู่ ทะลวงฟันของก้าวไกลที่ซัด “สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีกลาโหมว่า “เป็นรัฐมนตรีพลเรือน แต่กลับเป็นเพียงหุ่นเชิด” ดำเนินโนบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และอาจจะทำได้ดีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ ทำเองด้วยซ้ำไป
นอกจากวาทกรรมของฝ่ายค้านที่ประดิษมาโจมตีเชือดเฉือนแล้ว องครักษ์ของฝ่ายเพื่อไทย ก็ประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำเด็ดโดนใจไม่ไแพ้กันในการตอบโต้ฝ่ายค้าน เริ่มจาก “ดนุพร ปุณณกันต์”ส.ส.บัญชีรายชื่ออดีตพระเอกคนดัง ที่ สวนกลับ “ชัยธวัช” ในประเด็นเจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ว่า “ไม่เป็นความจริง เพราะประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ รัฐบาลอาจจะยุบสภา, นายกฯ อาจจะลาออก แต่ประเทศไทยไม่ได้เจ๊งตรงกันข้าม “เจ๊ง” ตามพจนานุกรมแปลว่าสิ้นสุด ลั่นถ้าศาลรัฐธรรมนูญ ฟันยุบพรรค นั่นคือเจ๊งของจริง และนำมาซึ่งรถทัวร์มาลงทั้ง “ดนุพร” และเพื่อไทยกันยกใหญ่
และอาจกลายเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ “แพทองธร ชินวัตร”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องเข้าไปสภาเพื่อกำกับดูแล ด้วยตนเอง ก่อนวันถัดมา “ดนุพร”จะออกมาแก้เกี้ยวว่าไม่ได้แช่งชักหักกระดูกใคร แค่งัด “โวหาร” มาสู้คนด้อยค่าดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น ขณะ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยคลัง ชี้แจงข้อวิจารณ์ “เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ว่า” ดิจิทัลวอลเลต ไม่ใช่การ”คิดไปทำไป แต่เป็นการคิดนอกกรอบ” พร้อมยอมรับปีนี้กู้เพิ่มขึ้น แต่เป็นการกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนนายกรัฐมนตรีพยายามลอยตัว ไม่สน”เจ๊งกับเจ๊ง” บอกเป็นแค่วาทกรรม และไม่อยากใช้คำพวกนี้ เพราะถ้าฝ่ายหนึ่งแรงมา อีกฝ่ายแรงกลับ ก็จะเกิดเป็นภาพความขัดแย้งขึ้นมาอีก ดังนั้น 3 วันของการอภิปรายงบประมาณ 2 ฝ่ายล้วนมีวาทกรรม ฟาดกันบ้าง แซะกันบ้างพอๆกัน จนอาจเรียกได้ว่า งานนี้มีแต่เจ๊า ไม่มีเจ๊ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews