ผู้ว่าฯโคราช สั่งสอบข้อเท็จจริงออกเอกสารสิทธิ์ สปก.มิชอบ 600 ไร่ ใช้เป็นที่ทิ้งน้ำเสีย เผยเปลี่ยนอำนาจออกเอกสารสิทธิ์ สปก.จุดชนวนปัญหาปล่อยนอมินีครอบครองที่ดินผิดกฎหมาย ลั่นหากพบใครผิดฟันไม่เลี้ยงแน่
ความคืบหน้ากรณีที่เช้าวันที่ 20 มิ.ย.67 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วยนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาคราช ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ เจ้าหน้าที่ บก.ทล. ลงพื้นที่จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน
สปก.โดยมิชอบ จำนวนพื้นที่ 600 ไร่ ในเขต ต.โพธิ์กลางเชื่อมต่อกับตำบลหนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีชื่อบุคคล 13 ราย เป็นนอมินีครอบครองที่ แทนนายทุน เพื่อใช้เป็นพื้นที่ทิ้งน้ำเสียของโรงงานแป้งมันขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อยู่ติดกับพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตัวผู้ต้องหาดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์มิชอบนั้นเป็นอดีตข้าราชการเกษียณของสำนักงาน สปก.นครราชสีมา ในตำแหน่งนายช่างรังวัด ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้รับการเปิดเผยว่า การออกเอกสารสิทธิ์ สปก.นั้น เดิมทีอำนาจอยู่ที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน แต่ในปี พ.ศ. 2564 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบใหม่ว่า การออกเอกสารสิทธิ์ สปก.
ให้เป็นอำนาจของ สปก.จังหวัดเป็นผู้เซ็นออกเอกสารสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว โดย สปก.จังหวัดนั้น ก็ขึ้นตรงกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนั้นการออกเอกสารสิทธิ์ สปก.ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา คนเซ็นคนเดียวเลยคือ สปก.จังหวัด โดยตัวข้าราชการที่เป็น สปก.จังหวัดนั้น เป็นข้าราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มาสังกัดอยู่ในภูมิภาค โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้กำกับดูแล ดังนั้นอำนาจเป็นของกระทรวงเกษตร แต่คนอยู่ใต้อำนาจ ผู้ว่าราชการจังหวัด จึงทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา
ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อข้าราชการที่อยู่ใต้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด กระทำความผิดกฎหมาย ตนเองก็ต้องดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อเอาผิด ทั้งทางวินัยและทางอาญา ไม่มีข้อยกเว้น แต่ตอนนี้คนเซ็นก็เกษียณอายุราชการไปแล้ว และคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการบางส่วนได้เกษียณอายุราชการและบางส่วนก็ย้ายไปที่อื่นแล้ว จึงไม่ได้อยู่ในอำนาจ
ของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ตอนนี้จึงสามารถตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เฉพาะกับข้าราชการที่ยังอยู่ในอำนาจเท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่ามีอยู่กี่รายในขณะนี้ โดยตนเองได้สั่งการ ให้คณะกรรมการตรวจสอบ รวบรวมเอกสารและหลักฐานต่างๆ อยู่ และสัปดาห์หน้า ตนเองจะได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วยตนเองอีกครั้ง แต่เบื้องต้นก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับ สปก.คนปัจจุบัน
เนื่องจากเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งไม่นาน และทางเจ้าหน้าที่ที่ลงมาจับกุม ก็ไม่ได้ทำการออกหมายจับกุม สปก.คนปัจจุบันด้วย ดังนั้นก็จะให้เจ้าหน้าที่ปัจจุบัน นำเอกสาร หลักฐาน การออกเอกสารสิทธิ์ ที่เป็นปัญหาทั้งหมด มากางดูอย่างละเอียดว่าใครไปรังวัด ใครไปสอบสิทธิ์ และใครไปลงนามออกเอกสารสิทธิ์ หากตรวจพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ก็จะต้องถูกลงโทษ ทางวินัยและฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด รวมทั้งตนเองก็จะต้องสั่งการให้ สปก.คนปัจจุบัน ในฐานะผู้มีอำนาจออกเอกสารสิทธ์ พิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ สปก.ที่ออกโดยมิชอบต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews