“ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก” แบบ “ดิจิทัลวอเล็ต” ยังไม่ทันจบแบบสะเด็ดน้ำแม้ พรบ.งบประมาณ68 จะผ่านสภา แบบที่ถูก “ก้าวไกล” พาดหัวว่า “เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้”
เพราะมีการจัดการ “กระจายความเสี่ยง”ทางอำนาจการเมืองของรัฐบาล โดยแก้ไขให้เข้าในกรอบวินัยการเงินการคลังด้วยการดึงงบมาปะผุ แต่ก็ยังต้องฝ่าด่านวาระ 2-3 ที่
โดยเฉพาะจาก “กรรมาธิการงบประมาณ” ที่ฝ่ายค้านมีกาดึงคนสื่ออาวุโสอย่าง “วีระ” เข้ามาเป็นกรรมาธิการวิสามัญงบฯ แต่ด้วยภาพความ “ชัดเจน” ทางการเมืองกับ ปม 3 คดีดินไหวการเมือง วันที่ 18มิ.ย.ที่ผ่านมาของ “ทักษิณ-เศรษฐา-ก้าวไกล” ที่ตามมาด้วยภาพการ “รุก” ทั้งมิติการเมือง-เศรษฐกิจ ของ นายกฯในตำนานกับนายกฯในตำแหน่งอย่าง “ทักษิณ-เศรษฐา”
ทั้งที่ “เศรษฐา” ประกาศผ่านรายการ “คุยกับเศรษฐา” จะให้ไทยเป็น “รถเฟอร์รารี่” ซิ่งเต็มสูบประเดิมดัน “ไอเดียร้อน” ลุยไฟให้ต่างชาติซื้อคอนโด 99 ปี คู่ขนานไปกับการ “สกัดพรรคเด็กก้าวไกล”
เฟด 2 หลังถูกยุบ “ตัวตึง” ที่มีบทบาทถูกตัดสิทธิ์ เหลือแต่ “แถว3แถว4” กับ ไอเดีย แก้รัฐธรรมนูญ ยุบระบบส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่ถูก “หญิงหน่อย-สุดารัตน์” ออกมาปูดข่าวเมื่อวาน(23มิ.ย.) ทำนองเป็นยุทธศาสตร์เพื่อไทยในการสกัดก้าวไกลด้วยการใช้ “กระสุน” ของ “บ้านใหญ่” เอาชนะ “กระแส” ของ “พรรคเด็ก-ก้าวไกล”
อันเป็นแนวของ “ทักษิณ” อย่างที่กำลังชิมรางผ่านการเดินสายบิ๊ว “บ้านใหญ่” จังหวัดต่างๆก่อนเลือก นายกอบจ.ช่วงสิ้นปี จนทำให้ทั้ง “เศรษฐา” และผู้คนในเพื่อไทย รีบออกปฏิเสธโต้ “หญิงหน่อย” ว่า “เลอะเทอะ” ไม่เคยมีเรื่องนี้
ที่ทั้งปมให้ต่างชาติซื้อคอนโด99ปี และ ปมแก้รธน.ยุบปาร์ตี้ลิสต์ กลายเป็น 2 ประเด็นที่กำลังถูกวิจารณ์จากหลายฝ่ายออกมาในท่วงทำนองไม่เห็นด้วย และทำท่าจะมาแนวเดียวกับครั้ง การดัน “ดิจิทัลวอเล็ต” อย่างที่ “ตู่-จตุพร” จากคณะหลอมรวม ที่ออกมาอัด “เศรษฐา เละเทะ” ไอเดียเลอะเทอะ การเสนอขายคอนโด 75% อยู่นาน 99 ปี กระทบมั่นคงประเทศ ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจส่อกลายเป็นอาณานิคมจำแลงย้อนยุค
โดยถามใครได้ประโยชน์ พร้อมให้ทบทวนอาชีพนักธุรกิจอสังหาก่อนเป็นนายกฯ รวมถึงเรื่องแก้เลือกตั้งเลิกปาร์ตี้ลิสต์ เป็นบัตรใบเดียว 500 สส.หวังเอาเปรียบและว่าขณะนี้บ้านเมืองรอคอยประชาชนให้รู้ถึงความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับประเทศและแผ่นดินไทยซึ่งนับวันมีแต่จะขยายเพิ่มมากขึ้นไปอีก ก่อนหน้านี้เพื่อไทยโหมชงดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านเร่ขายที่ดินในโครงการแลนด์บริดจ์ให้ครอบครอง 99 ปี
รวมทั้งรัฐบาลยังโฆษณากล่อมสังคมให้ตั้งบ่อนคาสิโนแล้ววันนี้มาขยายสิทธิเช่าซื้อคอนโดจาก 30 ปีเป็น 100 ปีลดหนึ่งปีเหลือ 99 ปี พร้อมเพิ่มเพดานถือครองจาก 49% เป็น 75% ดังนั้น บรรดาการเสนอของ “รัฐบาลเพื่อไทย” ส่อแนวโน้มจะเกิดความเสียหายทั้งสิ้น
เช่นเดียวกับ “พิธา-ก้าวไกล” ที่ออกมา(22มิ.ย.)ติงปมให้ต่างชาติซื้อคอนโดฯว่าให้ดู “ฮ่องกง” เป็นตัวอย่างที่ทำเรื่องนี้จนปัจจุบันพลเมืองอยู่ในห้องที่แคบเหมือนกรงนำ โดยรัฐบาลควรลัดดับความสำคัญเอา “คนไทย” เป็นที่หนึ่งก่อน โดยบอกว่าเรื่องนี้เคยมีการพูดกันแล้วในรัฐบาลชุดก่อนในความคิดของตน ควรเรียงลำดับความสำคัญว่าปัญหาที่ดินทำกินของคนไทยเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการแก้ไขมาเป็นเวลานาน
ถ้าเป็นเราก็คิดว่า จะเรียงลำดับความสำคัญของที่ดินทำกินเรื่องกรรมสิทธิ์ของคนไทยมาก่อน ถ้าเราทำได้ดี ทำได้อย่างต่อเนื่อง มีงบประมาณเพียงพอ อาจจะอยากเริ่มคิดเรื่องแบบนี้ในการดึงดูดการลงทุน โดยการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ศูนย์กลางนานาชาติไม่ได้เป็นเรื่องที่ผมยังต้องปักธงในตอนนี้
เพียงแต่คิดว่าการเรียงลำดับความสำคัญก็น่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ที่ 3 ใน 4 ของคนไทยไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเองก็ต้องอยู่ในที่ ส.ป.ก.บ้าง เช่าเขาบ้าง ที่ราชพัสดุบ้าง
เรียกว่าแม้ปมให้ต่างชาติซื้อคอนโด99ปีจะมีการอ้างจากคนในรัฐบาลว่ายังอยู่ในขั้นตอนศึกษาแก้ไขกฎหมายแต่ก็ถูกระบุว่ามีการนำเข้าหารือการประชุมครม.ครั้งที่แล้ว(18มิ.ย.)ที่ “นายกฯเศรษฐา” ลาป่วยโควิดโดยมี “รองนายกฯภูมิธรรม” นั่งหัวโต๊ะ มีการเสนอเรื่องนี้เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์โดยให้มหาดไทยไปศึกษา
และมีรายงานว่าในการประชุมครม.พรุ่งนี้อาจมีการนำเรื่องนี้เข้ามาพิจารณาในขณะที่ “นายกเศรษฐา”ก็ยอมรับว่าได้สั่งการให้มหาดไทยดูอยู่จริงโดย มีอยู่สองเรื่องโดยมีข้อเสนอแนะจากกระทรวงการคลังขึ้นมา เพื่อผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนที่หนึ่งคือการเช่าระยะยาว ซึ่งมีกฎหมายอยู่แล้ว 30 ปี เป็น 50+50 แต่เราคิดว่าถ้าทำเป็น 99 ปีมันจะดีกว่า ซึ่งไม่ได้เป็นการซื้อขายขาด ซึ่งในทุกประเทศเขาก็มีให้เช่า
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews