รีบออกตัว ปฏิเสธเสียงแข็งเลยว่า งานนี้ “หนูไม่เกี่ยว” พรรคภูมิใจไทย ไม่รู้เรื่องด้วย กับ ฉากปฏิบัติการ“ยึดสภาสูง” ของ “สว.สีน้ำเงิน” ในศึกเลือก “สว.67” ที่บ้านนี้ ได้มาเกินครึ่ง แบบตีรวม “พันธมิตรสีเขียว”รวมราวๆ 120
โดย “สว.สีส้ม” ได้มาแค่กว่า 20 ส่วน “สว.แดง” มาแค่ ไม่ถึง 5 ที่ ถูกมองเป็น “สงครามสั่งสอน”“ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล” และถูก “ถอดรหัส” กันทั้งประเทศ ว่า ปฏิบัติการ “จัดตั้ง” แบบเข้มแข็งตั้งแต่ระดับหมุ่บ้านตำบลยันประเทศ ไม่น่าจะพ้นฝีมือระดับเซียน ผู้ชำนาญการ “แบ่งสายการแข่งขันบอลลีก” อย่าง “ครูใหญ่เนวิน”แห่ง “บุรีรัมย์” ที่จังหวัดเดียว กดได้ สว.มา14คน แบบที่เห็นได้เป็นสว.ยัน “คนขับรถ” ของ “ปู่ชัย” ไม่นับรวม“สว.เพื่อนหนู” อย่าง “พล.ท.เกรียงไกร ศรีรัหษ์ อดีตแม่ทัพภาค 4”
อย่างที่ “หัวหน้าหนู-อนุทิน” แม้จะยอมรับว่า “พล.ท.เกรียงไกร” เป็นเพื่อนร่วมรุ่นวปอ.61 แต่ก็ไม่เกี่ยวกับข่าวเป็นตัวเต็ง“ประธานวุฒิ” และก็ไม่รู้จัก ว่าที่สว.ที่เป็น “คนขับรถปู่ชัย” แต่ก็แอบบ่นกับนักข่าว ทำไมชอบให้ร้าย อยู่เรื่อย ยืนยันไม่เกี่ยว“สว.สีน้ำเงิน” เพราะเคยทำหนังสือแจ้งไม่ให้ส.ส.ภูมิใจไทยไปยุ่งกับการเลือกสว. ส่วน ที่ข้อสังเกตว่าสว.มาจากจ.บุรีรัมย์และบ้านใหญ่ ชิดชอบ รวมถึงใกล้ชิด ตนจำนวนมาก นั้นตนรู้จักไม่ถึง 30 คน ให้ไปย้อนไปดูวิธีการเลือกว่าระบบเป็นอย่างไร
ทุกคนที่เข้ามาทำตามระบบทุกอย่าง และเท่าที่ตรวจสอบดู ตนยุ่งเกี่ยวเพียงอย่างเดียวคือให้กลไกของกระทรวงมหาดไทยคัดเลือกรอบแรกเป็นไปอย่างเรียบร้อยเท่านั้น ต้องโปร่งใสต้องเรียบร้อย โดยต้องชื่นชมในอำเภอและผู้ว่าฯ ตอนนี้พูดได้เพียง อย่างเดียวว่ายินดีกับ ว่าที่ ส.ว. ส่วนพรรคภูมิใจไทย ไม่สามารถชี้แจงได้ เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องอะไรสักอย่าง
กระนั้นฉาก “ยึดสภาสูง” ที่ถูกมองเชื่อมโยงไปถึงการสามารถ “กุมสภาพ” “องค์กรอิสระ” ที่กำลังจะมีการ “หมดวาระ”ของกรรมการในหลายองค์กรในช่วงกลางปีนี้ ของ “สว.สีน้ำเงิน” ในมิติ “กระดานอำนาจการเมือง” ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของ “เพื่อไทย” โดยมี “ทักษิณ” ถูกมองว่าได้รับบทมาสู้กับ “พรรคเด็ก-ก้าวไกล” แต่ก็เกิดอาการแกว่งหลังโดน
“ชนักปักหลัง” ปม “คดี112” ก็ถูกจับตาจากหลายฝ่ายว่า จะเป็น “สัญญาณ” ทางการเมือง ในการ“ดุลอำนาจ” ใน “พรรคร่วมรัฐบาล”ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลง โดยที่ “ประเดิม” ให้เห็นแล้วคือ ปฏิกิริยาของ “พรรคร่วม” ที่เกิดขึ้นใน “กรรมาธิการงบประมาณ” ที่พร้อมใจกันเล่นเกม จนนำไปสู่การ “แขวน” “งบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต”
โดย “ฉากทัศน์การเมือง” ของเกมอำนาจในรัฐบาล น่าสนใจ กับการวิเคราะห์จาก “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” อดีตรมต.ประชาธิปัตย์วิเคราะห์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทยของ “หมาแก่” ทาง ช่อง9 วันนี้ ที่ว่า การ “ยึดสภาสูง” ของ “สว.สีน้ำเงิน” จะทำให้อำนาจการ ต่อรองของ “ฝ่ายยึด” จะสูงขึ้น ดุลอำนาจทางการเมืองจะเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เป็นการประสานประโยชน์ชั่วคราว ระหว่าง
“กลุ่มทักษิณ” กับกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมกับคสช.มา ทีนี้ พอ “สภาสูง” ไปอยู่ในอำนาจของกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ก็จะทำให้“อำนาจการต่อรองทางการเมือง” สูงขึ้น โดย จุดที่จะเปลี่ยนจุดแรกคือ เกมการแก้รัฐธรรมนูญเพราะวุฒิสภาจะชี้ทิศทางและกำหนดเกมได้ แต่ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนสมการการเมืองได้ทันทีจนกว่าจะ “สภาล่าง” จะ “สะเด็ดน้ำ” หลัง “ก้าวไกล” ถูกยุบและส.ส.กระจัดกระจายไปยัง “พรรคบ้านใหญ่”
ส่วนใน “พรรคร่วมรัฐบาล” นั้น มีภาพก่อนหน้านี้ แดงก็พยายาม “ลองของ” ฝ่าย “น้ำเงิน” ด้วยการเปลี่ยนนโยบายใหญ่ๆ เช่นกัญชาและดูเหมือน “น้ำเงิน” ก็มี “อำนาจต่อรอง” น้อยกว่า แต่พอหลังจากนี้ ไม่รู้ว่าจะมีการ “ต่อรอง” ในเรื่องของ “นโยบายอื่นๆ” ของพรรคเพิ่มเติมหรือไม่ แต่เกมที่เห็นชัดๆ คือ เรื่องของ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ตอนนี้ กมธ.งบฯก็แขวนไปแล้วเมื่อวาน ดังนั้นเรื่องนี้
น่าจะส่งผลกระทบต่อการทำงานในรัฐสภาพของ พรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน โดยเฉพาะ หลังการยุบก้าวไกล จะเกิด “ความเข้มข้น”มากขึ้น แต่ขณะนี้ น่าจะเกิดคือเรื่องการคุยต่อรองเรื่องนโยบายของแต่ละพรรค และที่พรรคเพื่อไทยต้องการขับเคลื่อนนโยบายก็อาจไม่สะดวกอย่างที่คิด เพราะการรวมการเฉพาะกิจครั้งนี้ มันไม่ได้แปลว่าจะรวมกันตลอด พรรคที่พยายามเดินเกมมาแต่ต้น จนสามารถทำเรื่องสภาสูงสำเร็จ ย่อมเล็งผลเลิศ ต่อไปด้วย ว่าจะกลับเข้ามาเป็น “แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล” เช่นกัน.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
