“250 สมาชิกวุฒิสภาลากตั้ง”กับ “200 สว.เลือกกันเอง” ต่างมีเทือกเถาเหล่ากอมาจากเครือข่าย “ต้นไม้พิษคสช.”ของ “คณะรัฐประหาร”ที่ใช้กำลังทหารลากรถถังเข้ายึดอำนาจ “รัฐบาลพลเรือน”ด้วยข้ออ้างพฤติกรรมคอรัปชั่น ทำให้ประเทศชาติหายนะ
“สว.ลากตั้ง”มาจากการแต่งตั้งโดยตรงของคณะรัฐประหาร “คสช.” หากแต่“สว. เลือกกันเอง”มาจาก ผลของไม้พิษ โดยอ้อมของ คสช.ใช้อำนาจแต่งตั้ง คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)เพื่อจัดให้มีการเลือกกันเองเป็น
“สว.200คน” สว.ทั้ง2ชุดผู้ทรงเกียรติต่างไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของ “ประชาชน”ตาม “ระบอบประชาธิปไตย”โดยประชาชน เพื่อประชาชน” สว.ชุดเลือกกันเองอาจเป็นประชาธิปไตยมากกว่าตามหลักการศรีธนญชัย อย่างน้อยมาจากเลือกกันเองถึงหลายหมื่นคนจากตัวแทนของ 20 กลุ่มอาชีพ..
“สว.ลากตั้ง”จาก “คณะรัฐประหาร” บางรายไร้ซึ่งอาชีพเป็นหลักแหล่งและยังพยายามคงสถานะภาพอยู่ในตำแหน่ง เป็น”ปรสิต”ดูดกินผลประโยชน์ของชาติสวาปามภาษีของประชาชน ขณะ “สว.เลือกกันเอง”บางรายมาจากการจัดตั้งของ “นักการเมืองอาชีพ”ผนวกกับ “กลุ่มอาชีพรัฐประหาร” ผลัดกันเล่นบท “สมบัติผลัดกันชม” สมผลประโยชน์ ด้วย อำนาจทั้งในและนอกระบบ
หนักไปกว่านั้นปัจจุบันอยู่ในรัฐบาลชุดเดียวกันและเกิดปรากกฏการณ์ต่อรองถ่วงดุลกันเองภายใน “พรรคร่วมรัฐบาล”จนบริหารบ้านเมืองไม่ได้ ไร้ประสิทธิ์ภาพ ไม่มีแม้ผลงาน “นโยบายเรือธง”ออกมาเป็นรูปธรรมอันจะส่งผลต่อความผาสุข ส่งสัญญาณต่อความ อยู่ดีกินดีหรือบรรเทาทุกข์เดือดร้อนให้กับประชาราษฎร์ได้บ้าง กลับยังมีความพยายามหาช่องว่างเพื่อเสพสุขดูดกินอยู่ในระบบ “ธนกิจการเมือง”แก่งแย่งอำนาจแย่งชิงผลประโยชน์ แม้จะหลงเหลือเพียงเศษซากสลักหักพังภายใต้การบริหารงานที่ล้มเหลว..
พฤติกรรมการเมือง ไร้ซึ่งอุดมการณ์ ไม่มีจุดยืนเคียงข้างประชาชน รังแต่จะขับเคลื่อนกลเกมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และตอบแทน “กลุ่มทุนพรรค”ผู้ให้การสนับสนุน แม้นโยบายหลักชูโรงหาเสียง “โครงการดิจิทัล วอลเล็ต”ก็ไม่อาจประกาศให้ชัดเจนได้ด้วยความหวาดระแวงกันเองจะเอาคืน เกิดความขัดแย้งแย่งชิงกันภายในรัฐบาลเป็น “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน” เพียงแต่ยังกลัวความเสียเปรียบความนิยมขั้วตรงข้าม “พรรคก้าวไกล”ตามผลโพลที่คอยหลอกหลอน ไม่กล้าพอให้ “นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน”ใช้อำนาจยุบสภาฯ
ต่างฝ่ายยังมีความพยายามเดินเกมวางเงื่อนไขต่อรองในรูปของคดีแห่ง “นิติสงคราม” ในมิติทางการเมืองฝ่ายหนึ่งยังใช้อำนาจจากความเป็น “ต้นไม้พิษ”กับอีกฝั่งใช้ “อำนาจทุน”เข้าต่อสู้ จัดการให้ “ฆ้อนแพ้กระดาษ”อย่างคดี 112 และคดี 157 ถอดถอนนายกฯออกจากตำแหน่ง ส่งผลต่อการเข้าแทรกแซงเข้าในกระบวนการยุติธรรม และ วงการผลประโยชน์ เกิดขบวนการนอกกฏหมาย ธุรกิจมืด ทุนสีเทา ระบบส่วย ระบาด ตอบสนอง “ธนกิจการเมือง”แบบผลัดกันเป็นรัฐบาลผลัดกันยึดอำนาจ โดยไม่ได้สนใจประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของเสียงเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง..
ทุกบริบท หลายปรากฏการณ์ทางการเมือง กำลังขยายความขัดแย้งขัดแข้งขัดขากันในพรรคร่วม “รัฐบาลเศรษฐา” เพื่อไทยหักเหลี่ยมโหด เอาผลงาน “กัญชาเสรี” ของภูมิใจไทยกลับเข้าบัญชียาเสพติด “อนุทิน ชาญวีรกูล ”เปิดเกมโต้เทผลประโยชน์อสังหาฯเพื่อไทยส่ง “ชาดา ไทยเศรษฐ์”ล้มกระทู้ต่างชาติถือครองคอนโดฯ เพื่อไทยพยายามปิด “ตำนานข้าวเน่า”หักหน้าฝ่ายอำนาจและยังเดินหน้าแผน “ทักษิณโมเดล”ขณะ “ภูมิใจไทย”ขับเคลื่อน”บุรีรัมย์โมเดล”สู้ จัดตั้ง “สว.สีน้ำเงิน”เปิดยุทธการ “ป่าล้อมเมือง”แย่ง “ปั้นสส.บ้านใหญ่” ถือข้างนายกอบจ.เมืองปทุมฯกันคนละข้างจนพรรคแตก วัดผลสอบนักศึกษาบุรีรัมย์เข้าบรรจุครู กินรวบคว้าอันดับ 1 ถึง 40 คนทั่วประเทศด้วยความ “เสมา1”เป็นคนบุรีรัมย์ โดยแนวร่วม “ฝ่ายอนุรักษ์” รวมไทยสร้างชาติ และ พลังประชารัฐ คอยให้การสนับสนุน ภูมิใจไทย “คนป่ารอยต่อ”ยังไม่ร่วมโต๊ะดินเนอร์กับพรรคร่วมรัฐบาลเศรษฐา..ปิด“สวิทช์สว.ลากตั้ง”เปิด “สวิทช์สว.สีน้ำเงิน”การเมืองไทยจะพัฒนากี่โมง.!?
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews