“จุลพันธ์” ยัน กรอบวงเงินดิจิทัลวอลเล็ต 4.5แสนล. ไม่แตะเงิน ธกส. 24ก.ค.นี้ ได้วันเปิด-ปิดลงทะเบียน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบโครงสร้างของแหล่งที่มาของเงินใหม่
ซึ่งสาเหตุที่ได้มีการปรับเปลี่ยน ได้มีการถามนายกรัฐมนตรี คือ เราดำเนินการตามข้อห่วงใยของหน่วยงานตรวจสอบในการดูแหล่งที่มาของเงินและกรอบวงเงินต่างๆ ประเด็นแรกคือไม่ได้ลดขนาดโครงการโดยยังคงเป็น 50 ล้านคนเช่นเดิม และเมื่อดูแล้วโครงการในอดีตของรัฐไม่มีโครงการใดที่มีผู้ร่วมลงทะเบียนเกิน กว่า 90% การตั้งงบประมาณให้พอเหมาะ
จึงเป็นแนวที่หน่วยงานตรวจสอบให้ไว้ เราก็ตั้งงบประมาณวางไว้ว่า 45 ล้านคน หรือ 450,000 ล้าน คือการเตรียมเงินไว้รองรับ หากมีคนลงทะเบียนมากกว่าหรือน้อยกว่าเราจะใช้กลไกในการบริหารงบประมาณให้มีเงินทุกบาททุกสตางค์เพียงพอสำหรับการสนับสนุนโครงการ
ประเด็นที่ 2 คือตัวเงินที่ต้องมีการเตรียมไว้เมื่อน้อยลงประกอบกับมีข้อห่วงใยในเรื่องของการใช้ มาตรา 28 และประกอบกับ ประเด็นที่ 3 คือหลังจากการบริหารจัดการมาตอนนี้ใกล้สิ้นปีงบประมาณ เราเริ่มเห็นความชัดเจนของตัวเงิน
ทางหน่วยงานคือกระทรวงการคลังได้มีการหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ ได้มีการนำเสนอในเรื่องของตัวเลขโครงสร้างของกรอบแหล่งเงินใหม่ซึ่ง วันนี้ที่ประชุมให้การเห็นชอบ คือไม่มีมาตรา 28 ประกอบ ไปด้วยงบประมาณ ปี 2567 และงบประมาณปี 2568 ซึ่งเพียงพอ และสามารถดำเนินการได้ภายใต้กรอบงบประมาณ
โดยงบปี67 เป็นงบประมาณเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท ซึ่งจะเข้าสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ บวกกับงบประมาณในการบริหารจัดการทางการคลัง และการบริหารงบประมาณอีก 43,000 ล้านบาท ไม่ใช่งบกลางทั้งหมด เป็นการบริหารจัดการงบประมาณ ส่วนหนึ่งอาจเป็นงบกลางได้ ซึ่งก็เป็นวิธีการที่สามารถทำได้แต่ไม่ใช่ส่วนเดียว และ งบประมาณอีกส่วนคืองบประมาณในปี 2568 จำนวน 152,000 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณในการบริหารจัดการทางการการคลัง 132,000 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นตัวเลขเดิม
สามารถทำได้แต่ไม่ได้อยู่ในแผนการ เราสามารถบริหารจัดการได้ในกรอบที่เราได้รับ โดยงบประมาณที่ผูกพันไม่ทันงบประมาณที่ยังไม่สำเร็จรวมถึงกลไกในการบริหารงานงบประมาณมีอย่างหลากหลายและดำเนินการได้ภายใต้กรอบนั้น
สำหรับการเปิดและปิดลงทะเบียนจะมีการชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้งวันที่ 24 กรกฎาคม วันนี้ ที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับไปกำหนดกรอบในรายละเอียดทั้งวันเริ่ม และวันปิดอีกครั้งหนึ่งซึ่งเห็นภาพแล้วโดยการทำงานในส่วนของด้านระบบมีความคืบหน้าในระดับที่น่าพอใจและเราเห็นถึงวันที่มีความพร้อมในการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ
ยืนยันว่ายังอยู่ในกรอบซึ่งเปิดกว้างไว้เป็นไตรมาสที่ 4 โดยในวันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเห็นในเรื่องของระบบ ซึ่งจะต้องมีความปลอดภัยโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้รับทราบกระบวนการช่วงหนึ่งจะต้องดึงให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูแลทั้งระบบต่อความปลอดภัยและด้านต่างๆเป็นไปตามมาตรฐานกระบวนการกลไกที่ทำมา ต้องทำไปตามกรอบของความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม มีข้อสังเกตในเรื่องของ Negative List โดยเปิดความยืดหยุ่นให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้กำหนด ไม่ว่าจะเป็นปรับเพิ่ม หรือลดลงหากมีความจำเป็นตามสถานการณ์ต่อไปเป็นสิ่งที่ได้กำหนดไว้และที่ได้มีการนำเสนอในที่ประชุมในเรื่องของกลไกผู้เข้าร่วมโครงการมีกลุ่มที่ถูกระบุเพิ่มเติม คือ
บุคคลที่เคยกระทำผิดเงื่อนไขโครงการของรัฐในอดีต กลุ่มนี้มีความจำเป็นที่จะต้องถูกตัดออก ซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นราย ทั้งร้านค้าและบุคคลที่มีการใช้เงินผิดประเภทมองว่าหากให้สิทธิ์ไปก็จะมีการใช้สิทธิ์แบบไม่ถูกต้องอีก
คาดว่า จะมีการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ซึ่งกรอบเวลาจะมีการแถลงอีกครั้งในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ วันนี้มีข้อเสนอจากบางส่วนงานเช่น สินค้าประเภทอาวุธปืนยุทโธปกรณ์เรายังไม่ได้คิดในคณะอนุกรรมกับ เป็นอีกหนึ่งกรมที่จะต้องมีการพิจารณา ให้กระทรวงพาณิชย์ไปดูและจะต้องมีการนำเสนอในคณะกรรมการต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews