ใจหายแว๊บกันเลยทีเดียว สำหรับราคาทองคำเช้าวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม และวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยเปิดตลาดวันศุกร์ที่ 19 กรกฏาคม เวลา 09.02 น. ราคาทองร่วงลงทันที 300 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และยังลงต่อเนื่องอีกครั้งละ 50 บาทในการปรับราคาครั้งที่ 2, ครั้งที่ 4, ครั้งที่ 5, ครั้งที่ 6 และครั้งที่ 8 รวมตลอดทั้งวันปรับลง 450 บาท ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำนับตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นเพราะราคาปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
โดยวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม ราคาทองปรับขึ้น 150 บาท
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม ขึ้นอีก 350 บาท
วันพุธที่ 17 กรกฎาคม ปรับขึ้น 350 บาท และตลอดทั้งวันนี้ ราคาทองผันผวนเป็นอย่างมาก ปรับขึ้นลงรวม 18 ครั้ง
ก่อนที่วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม ไปจนถึงวันวันเสาร์ที่ 20 กรกฏาคม ราคากลับมาร่วงลงแรง
ล่าสุดทองแท่ง รับซื้อบาทละ 41,300 บาท ขายออก 41,400 บาท
ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 40,553 บาท ขายออก 41,900 บาท
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. คุยกับ “นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ถึงการร่วงของราคาทองในช่วงเวลาดังกล่าว โดย “นพ.กฤชรัตน์” กล่าวว่า น่าตกใจนิดหน่อย แต่ก็มองเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้การขึ้นในรอบใหม่ของราคาทองแข็งแกร่งกว่าเดิม
“ผมคิดว่าเป็นเรื่องดี หมายความว่าราคาทองคำ มันขึ้นมาเร็วมากในช่วง 7 วันที่ผ่านมา จากระดับ 40,000 มาที่ 40,500 มาที่ 42,000 ในเวลา 7 วัน ถือว่าเร็วมากดังนั้นการที่ราคาจะมีการเทขายทำกำไรลงมาบ้าง 300 – 400 ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีหมายความว่ามันจะทำให้การขึ้นของราคาทองคำมีความแข็งแกร่ง”
“นพ.กฤชรัตน์” กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งหลัง 2567 ราคาทองยังเป็นขาขึ้น โดยปลายปีมีโอกาสที่ราคาทองคำตลาดโลกแตะระดับ 2,550 เหรียญ ขณะที่ราคาทองไทยคาดว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 43,000 บาทต่อบาททองคำ โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด
“ผมวิเคราะห์ว่าทองคำตอนนี้กำลังสร้างฐานใหม่โดยฐานใหม่ของทองคำจะอยู่ที่บริเวณ 2,365 แล้วและฐานใหม่ของทองคำไทยจะอยู่ที่ 41,000 บาทต่อบาททองคำถ้วนๆ อันนี้เป็นฐานใหม่หมายความว่าฐานกำลังยกขึ้นมาดังนั้นถ้าเรามองว่าฐานตรงนี้เป็นฐานของเดือน 7 ก็แล้วกันก็ยังเชื่อว่าโอกาสที่เฟดน่าจะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนมีสูงถึง 95% ในขนาดนี้
นั่นหมายความว่าภายใน 6 สัปดาห์นี้ ราคาทองน่าจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อไปรับข่าวการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายน ดังนั้นมองว่าปลายปีน่าจะเห็นราคาทองคำในตลาดโลกบริเวณ 2,550 บวกลบหรือเกินกว่านั้น แล้วก็ทองไทยน่าจะมีระดับที่ประมาณ 42,500 ถึง 43,000 บาทต่อบาททองคำในช่วงปลายปี”
ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในช่วงปลายปีนี้ “นพ.กฤชรัตน์” กล่าวว่า ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยมีการประเมินว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” จะชนะ “โจ ไบเดน” ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆของสหรัฐฯจะดูแข็งกร้าวมากขึ้นตามนโยบายหาเสียงของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งจะทำให้ราคาทองมีการปรับขึ้นลงแรง
“การหาเสียงของทรัมป์ก็น่าจะเป็นอีกตัวนึงที่อาจจะทำให้ราคาทองคำเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงได้แรงรวมทั้งนโยบายการต่อต้านจีนซึ่งน่าจะรุนแรงมากขึ้นตามนิสัยของเค้า อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตามซึ่งน่าจะเกิดเรื่องแน่ๆ ภายใน 3 เดือนเพราะว่าเค้าจะเลือกตั้งในเดือน 10 ก็เหลืออีก 4 เดือน”
ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปมีมุมมองเกี่ยวกับราคาทองคำ โดยคาดว่าแนวโน้มราคาในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,700-3,000 ดอลลาร์ในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า จากแรงหนุนการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาตร์
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาปัจจัยบวก ปัจจัยลบ ที่มีผลต่อราคาทองคำในตลาดโลกเชื่อมโยงกับราคาทองไทยอย่างใกล้ชิด เพราะทุกปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลต่อความมั่งคั่งของนักลงทุนนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews