“ชัยชนะ” ปธ.กมธ.ตำรวจ ยกเจ้าของโพสต์ป้ายโฆษณาทำพาสปอร์ต – เปลี่ยนแปลงสัญชาติ สร้างแรงกระเพื่อมทำให้หลายหน่วยงานต้องชี้แจง ตอกย้ำกลุ่มทุนจีนสีเทากำลังสร้างอิทธิพลในประเทศไทย เสนอตั้งคณะกรรมการตรวจสอบระดับชาติ
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราชและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงกรณีที่พบป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บริเวณสี่แยกห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เป็นภาษาจีน โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการรับจ้างทำพาสปอร์ตและดำเนินการเปลี่ยนแปลงสัญชาติต่างๆ ว่า ก่อนอื่นตนต้องขอขอบคุณบุคคลที่นำเรื่องราวนี้มาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จนมีประชาชนตั้งข้อสงสัย และทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการขยับแสดงท่าทีถึงเรื่องนี้
ทั้งนี้ ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร มีความเห็นว่า การที่อยู่ดีๆ จะมีการขึ้นป้ายซื้อขายพาสปอร์ตและจ้างทำสัญชาติแต่ละประเทศนั้น จะต้องมีคนที่มีส่วนกับการขออนุญาตเกี่ยวข้องแน่นอน และด้วยสามัญสำนึกแล้ว เนื้อหาบนป้ายโฆษณา เป็นการซื้อขายข้อมูลเอกสารที่ส่งผลต่อความมั่นคงและการเมืองระหว่างประเทศ แต่ทำไมผู้อนุญาตให้ขึ้นป้ายกลับปล่อยปละละเลยให้มีการขึ้นป้ายอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้
อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องไม่ลืมก็คือ กรณีกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะมีการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายทั่วประเทศแล้ว กลุ่มทุนจีนสีเทาขณะนี้ ยังได้เกาะกลุ่มยึดพื้นที่ต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงเขตอำนาจอิทธิพลที่ได้ยึดครอง โดยเฉพาะบริเวณเขตห้วยขวางที่กำลังจะกลายเป็นฐานปฏิบัติการของคนกลุ่มนี้ ซึ่งการที่ขึ้นป้ายโฆษณาว่าสามารถทำพาสปอร์ตและเปลี่ยนแปลงสัญชาติในหลายประเทศได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยเป็นฐานอาชญากรรมของพวกกลุ่มทุนจีนสีเทา และเป็นการตอกย้ำถึงกระบวนการต่างๆ เช่น การบังคับใช้กฎหมาย การขอสัญชาติ การขอพาสปอร์ต การดูแลเอกสารสำคัญ เป็นต้น มีความหละหลวม และมีช่องโหว่เป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นในเบื้องต้น จึงอยากเรียกร้องให้ นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะต้องสอบสวนเจ้าหน้าที่ของเขตว่า ทำไมจึงปล่อยให้มีป้ายโฆษณาในลักษณะเช่นนี้
และควรมีบทลงโทษกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นป้ายดังกล่าว ต่อมา ทางสถานีตำรวจห้วยขวาง ควรที่จะลงมาดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจังถึงกรณีที่เกิดขึ้น เพราะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและสวัสดิภาพของประชาชนในละแวกนั้น เพราะการที่ปล่อยปละละเลยจนทำให้กลุ่มทุนจีนสีเทามาอยู่อาศัยเป็นฐานปฏิบัติการในการกระทำผิดกฎหมายนั้น ถือเป็นเรื่องที่คนไทยมีความคาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มากกว่าจะยินยอมให้กลุ่มทุนจีนสีเทา ยึดพื้นที่มาเคลื่อนไหว และในส่วนระดับชาติ
ตนจึงอยากให้มีการเสนอตั้งคณะกรรมการสอบสวนและวางมาตรการถึงเรื่องดังกล่าว โดยเสนอให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีบุคคลที่รับผิดชอบเกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย ในเรื่องของการขอสัญชาติ และดูแลเกี่ยวกับการอนุญาตขึ้นป้ายโฆษณา กระทรวงการต่างประเทศ ในเรื่องการขอพาสปอร์ต และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น เพื่อดำเนินการควบคุมและไม่ให้กลุ่มทุนจีนสีเทามีอำนาจอิทธิพลในประเทศไทย ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจและไม่ให้สร้างภาพลักษณ์เสียหายต่อประเทศด้วย
ดังนั้น กรณีนี้ตนต้องยกย่องเจ้าของโพสต์ที่อาจจะถ่ายรูปป้ายโฆษณาและเกิดความสงสัยว่า ป้ายนั้นมีข้อความอย่างไร แต่เมื่อใช้เครื่องมือแปลภาษาปรากฏว่า เป็นเรื่องร้ายแรงที่ส่งผลต่อความมั่นคงและการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งทำให้เกิดแรงกระเพื่อม จนมีหลายหน่วยงานออกมาชี้แจง และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ได้ลงพื้นที่สอบถามถึงเรื่องดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ตนในฐานะประธานกรรมาธิการการตำรวจ ฯ จะมีการเกาะติดประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีประชาชนในหลายพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และตามต่างจังหวัด ร้องเรียนมาว่า ได้รับผลกระทบจากกลุ่มทุนจีนเทา จนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขได้ซึ่งการขึ้นป้ายว่า สามารถทำพาสปอร์ตและเปลี่ยนแปลงสัญชาติได้นั้น ถือเป็นการยกระดับการกระทำผิดของกลุ่มทุนจีนสีเทา ถึงขั้นสามารถทำเอกสารและปลอมแปลงข้อมูลสำคัญของแต่บุคคลได้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างถึงระดับนานาชาติ จึงอยากให้รัฐบาล
โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าได้ละเลยประเด็นนี้ เพราะเชื่อว่า กลุ่มทุนจีนสีเทา กำลังจะสร้างประเทศไทยให้เป็นฐานปฏิบัติการ ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับคนไทยและประเทศชาติในอนาคตอันใกล้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews