ชื่นมื่นครบ 75 ปี สมภารทักษิณ เจ้าอาวาสเพื่อไทยตัวจริง เปิดกุฏิจันทร์ส่องหล้าให้เหล่าสาวกโยมอุปัฏฐากแห่อวยพรแฮปปี้เบริด์เดย์พาเพลิน ท่ามกลางความตึง ขึง เครียด จากปม 2พ่อลูกอยู่บำรุงที่ลาจากแบบคาใจกัน ลามไปถึง “บิ๊กแจ๊ส” ออกมาซัด “อิ๊งค์” ลูกทักษิณ ว่าไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ดีด “เฉลิม” จากกลุ่มไลน์ ต่อเนื่องถึงปมที่ “บิ๊กแจ๊ส” พูดในรายการดังในทำนองว่าตระกูลอยู่บำรุงไม่เคยเข้าไปพัวพันในคดีทุจริต และลูกชายก็ไม่ได้ติดยา ทำให้ถูกตีความกันไปต่างๆนาๆ
ซึ่งย้อนอดีตไปแล้ว คนที่ลาสิกขาจากร่มเงาทักษิณส่วนใหญ่จะต่างคนต่างอยู่ แต่ประเภทไม่จบ ท้ารบแบบดุ-ดีด-เดือด ไม่น่ามีใครเกิน 3รายนี้ รายแรก แผลสดๆ อย่าง”สารวัตรเหลิม” จวกว่า”แค่ชื่อนายทักษิณ ยังไม่อยากได้ยิน พร้อมจะดีเบตด้วย เพื่อย้อนความหลังว่า ช่วยเหลืออะไรกันบ้าง และอยากรู้ว่าสิ่งนายทักษิณ พูดจริงทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งตอนนายทักษิณอยู่ต่างประเทศ ก็คุยกันมาตลอด แต่เมื่อกลับมาเมืองไทยกลับไม่คุยกัน และต่างไม่ได้มีบุญคุณต่อกัน”
ก่อนหน้านี้ เหลิมเคยออกมากระทุ้งไปแล้วครั้งหนึ่งว่า “ทักษิณ พูดแบบใหญ่โตว่าตนเป็นคนกวนโอ๊ยทั้งพ่อทั้งลูก เลยไม่ให้ตำแหน่งว่า คุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับคุณ ผมมีความสุข พูดอะไรระมัดระวังบ้าง คุณใหญ่โตได้ในพรรคของคุณ คุณไล่ผมออกสิ นึกถึงแก้คดีให้คุณแล้ว ผมคิดว่าคุณจะเปลี่ยนนิสัย แล้วเวลาใช้คำพูดถึงผม อย่าเอ่ยมือเอ่ยเท้ามันไม่สุภาพ และผมก็มีมือมีเท้าที่จะเอ่ยถึงเหมือนกัน ผมจะหันหลังให้คุณตลอดชีวิต ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต”
รายต่อมาฝีปากคมกริบไม่ต่างจากสารวัตรเหลิม นั้นคือ “เดอะตู่-จตุพร พรหมพันธ์” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชื่อดัง ที่เติบโตมาและอยู่ใต้ปีกนายใหญ่มายาวนาน ก่อนถึงติดคุกติดตารางมา 5 รอบ จนตาสว่าง ออกมาตัดสัมพันธ์ ออกมาเปิดโปง นายใหญ่ทักษิณและพรรคเพื่อไทยต่อเนื่อง โดยจตุพรระบุ รู้จักกับ ทักษิณ มาเกือบ 30 ปี ยอมรับมีแผลใจต่อกันเรื่องการชุมนุม และหลังการชุมนุมช่วงที่มีอำนาจ ต่อเนื่องถึงศึกชิงนายกอบจ.เชียงใหม่ ที่หนุนคนละฝั่ง
ซึ่งตอนนั้นมีการปล่อยข่าวว่า จตุพร มีการรับเงินรับงานมา จนเจ้าตัวเดือดสุดและประกาศตัดขาดทักษิณและเพื่อไทย จากนั้นมา จตุพรออกมาถล่มทักษิณรายวัน แบบดุเดือด เช่น 9 มิ.ย. 2567 จตุพร เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า “สำนึกทางการเมืองของทักษิณ พลิกเปลี่ยนไปมา หาจุดยืนมั่นคงไม่ได้ ถ้าได้ประโยชน์จากเผด็จการก็ชื่นชมว่าดี หากเสียประโยชน์กลับอ้างตัวตนเป็นนักประชาธิปไตย ดังนั้น จึงเป็นคนสองบุคลิกกลับกลอกไปมาและทำประชาชนมึนงง เอาแน่เอานอนไม่ได้”
หรืออย่างในวันที่ 24 มกราคม 2566 จตุพร เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า”ผมสรุปความได้ว่า ทักษิณ ไม่ใช่นักต่อสู้ ไม่ใช่นักประชาธิปไตย ไม่ใช่ผู้นำทางจิตวิญญาณอะไร แต่ตัวจริงเป็นพ่อค้า คิดเรื่องกำไรตลอดเวลา คิดถึงเกมตลอดเวลา การสลายคนเสื้อแดงไม่มีใครสลายได้ ถ้าทักษิณไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง นายทักษิณพูดถึงตนแบบดูหมิ่เหยียดหยาม ซึ่งนักรบใครจะมาดูถูกไม่ได้ เมื่อคุณเหิมเกริม ดูถูกเหยียดหยาม ประสานักเลงว่า ถุยน้ำลายใส่ เอาเท้าเหยียบหน้า ก็รบกัน เพราะคุณทำกับผมก่อน ”
รายต่อมาที่ลาจากแล้วด่าแหลก นั้นคือ”แรมโบ้อีสาน เสกสกล อัตถาวงศ์” ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พีระพันธุ์ ครั้งหนึ่ง แรมโบ้ถวายจิตถวายใจให้ทักษิณ แต่เมื่อแตกหัก ออกมาจวกเละ เช่นครั้งหนึ่งระบุว่า”ตนเองก็เคยถูกนายทักษิณ ด้อยค่าเปรียบเปรยว่าเป็นสุนัขชื่อไอ้แม๊ก ชอบเลียเท้าขอเศษอาหาร ทักษิณมองคนเป็นสุนัขเสมอ ไม่เคยให้ค่าคน แม้แต่บรรดาสมุนที่ยังรับใช้นายทักษิณ เช่นบรรดา ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย ก็ยังถูกมองด้อยค่าเป็นตัวอะไรสักอย่างในคอก”
เสกสกลยังบอกต่อว่า “นิสัยสันดานที่แท้จริงของนายทักษิณ ไม่เคยเปลี่ยนเลย เที่ยวสอนชาวบ้าน แต่พฤติกรรมและคำพูดคำจาของนายทักษิณนั้น สวนทางกันโดยสิ้นเชิง บอกว่าความเป็นมนุษย์สำคัญที่สุด แต่กลับด้อยค่าคนอื่นว่าเป็นสุนัขออกมาเห่า ไม่เคยเห็นคนที่เคยเป็นผู้นำที่ผิดคำพูดได้เท่านายทักษิณเลย นิสัยสันดานเช่นนี้พี่น้องคนเสื้อแดงรู้เช่นเห็นชาติ เข็ดหลาบจนวันตาย”..ทั้งนี้ต้องติดตามว่าสงครามคนกันเองที่รู้ไส้กันทุกขด จะออกมาแฉอะไรต่ออีกบ้าง?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews