“ศิริกัญญา-ก้าวไกล” ขอตัดงบ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เหลือหมื่นล้าน ชี้ดอกเบี้ยไม่เคยหลอกใคร พร้อมยก 4 เหตุผล ค้านชนฝา เหตุรัฐบาลกู้จนสุดเพดาน
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้แปรญัตติ อภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระ 2 และ 3 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ที่ใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ว่า ตนขอแปรญัตติในมาตรา 3 เพื่อจะปรับลดงบประมาณให้เหลือ 10,000 ล้านบาท ด้วย 4 เหตุผล เหตุผลแรก เราไม่ควรจะกู้เพิ่มอีกแล้ว โดยฐานะทางการคลังของประเทศ ณ วันนี้มันยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง แต่มันปริ่มเพดานไปหมดไต่ขอบไต่เส้นไปซะทุกอย่าง
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะ จะเล่นแร่แปรธาตุอย่างไรก็ตาม แต่ดอกเบี้ย ไม่หลอกใคร ในปีงบ 67 ปี 68 เราทราบกันดีว่า มีการตั้งงบสำหรับการชำระดอกเบี้ยไว้ไม่พอ ปีที่แล้ว ตั้งไว้ 200,000 กว่าล้าน ยังต้องใช้เงินคงคลังเพิ่มอีก 40,000 ล้านบาท ปี 68 ก็น่าจะไม่พออีกเช่นเดียวกัน ทั้งที่ตั้งไว้ 260,000 กว่าล้าน ปี 69 เฉพาะดอกเบี้ยอย่างเดียว จะขึ้นไป 370,000 ล้านบาท หรือ 12% ของรายได้รัฐบาล
พอปี 71 ก็สูงขึ้นเกือบ 500,000 ล้านบาท นี่เราไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว เราหารายได้เท่าไหร่ เก็บภาษีได้เท่าไหร่ เอาไปใช้จ่ายเป็นดอกเบี้ยซะทั้งหมด รวมเงินต้นด้วย ก็จะขึ้นไปเกือบ 20% มันเป็นปัญหาที่จะผูกพันเราไปอีกในอนาคต จึงเสนอว่าไม่ควรกู้เพิ่มอีกต่อไป
การกู้เงินครั้งนี้เป็นการกู้แบบสุดเพดาน ไม่กะว่าจะต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด จะเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า กรรมาธิการได้สอบถามหรือไม่ว่ามีการประมาณการรายได้ของปี 67 ไว้หรือไม่ และประเมินว่าจะเก็บพลาดเป้าเท่าไหร่ ตนสังเกตการณ์อยู่ในห้อง ตัวแทนจากกระทรวงการคลังเองบอกว่าประมาณแล้ว แต่ไม่บอกว่าเป็นเท่าไหร่ บอกว่าขอให้เชื่อมั่น
ขอให้มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วจะไม่มีปัญหาแต่ตัวเลข 9 เดือนออกมาแล้ว กรมสรรพสามิตก็แถลงแล้วว่าเก็บพลาดเป้าเกือบ 60,000 ล้านบาท แต่เราก็ยังมากู้เพิ่มจนสุดเพดาน ถือเป็นการสร้างความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นต่อระบบการคลัง จึงขอยืนยันว่าตนให้งบเพิ่มเติมได้เท่าที่รัฐบาลหารายได้มาได้
เหตุผลที่สอง ถึงจะกู้ได้ก็ใช้ภายในปีงบประมาณตามกฎหมาย ซึ่งการจะเป็นหนี้ได้ก็ต้องมีระเบียบมารองรับ ตนมองว่าจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานผิดๆ ในอนาคต ซึ่งในห้องกรรมาธิการไม่มีใครตอบได้ว่าเป็นสัญญาประเภทใด ถ้าเป็นสัญญาให้ไม่ถือว่าเป็นการก่อหนี้เหมือนฟ้องร้องกันไม่ได้
เหตุผลที่สาม ต้องทำให้สัดส่วนรายจ่ายลงทุนถูกต้องตามกฎหมาย มองว่าเป็นการทำผิดกฎหมายอีกรอบหนึ่ง ก่อนหน้านี้มีการชี้แจงในห้องกรรมาธิการว่าทำไมถึงคิดว่ารายจ่ายของดิจิทัลวอลเล็ตเป็นรายจ่ายลงทุนถึง 80% ซึ่งพอเข้ามาชี้แจงในห้องวิปฝ่ายค้านก็มีการเปลี่ยนแปลอีก ใช้วิธีการวิเคราะห์ให้เกิดดอกผลกับไม่เกิดดอกผล แล้วบอกว่าส่วนที่เกิดดอกผลคือรายจ่ายลงทุน
เหตุผลสุดท้าย ยังไม่คุ้มค่าที่จะทำ แหล่งที่มาของเงินเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นจากเดิมที่เคยประเมินเอาไว้ว่าจะโตได้ 1.2-1.8 % มันจะไม่เท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลังก็ออกมาบอกในห้องประชุมกรรมาธิการ ตนได้ยินกับหูว่าเขาประเมินให้ใหม่แล้ว เหลือเพียง 0.9 % แต่พอแถลงข่าวรัฐมนตรีช่วยฯ ก็กลับไปใช้ตัวเลข 1.2-1.8% ใช้ตัวเลขสูงไว้ก่อน
ทั้งนี้ ยิ่งสะท้อนว่า โครงการนี้ไม่ได้มีการประเมินความคุ้มค่า อาจจะบอกว่าโครงการนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกนี้เลย ไม่รู้ว่าจะประมาณการอย่างไร แต่เราสามารถจะประเมินขั้นต่ำขั้นสูงกันได้อยู่แล้ว ถ้าโครงการนี้มันมีการประเมินอย่างรอบคอบรอบด้าน แต่เนื่องจากมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแบบนี้ สรุปว่าไม่รู้จะใช้ตัวเลขไหนกันแน่ และเอกสารงบประมาณก็ไม่ได้มีการระบุตัวเลขไว้อย่างชัดเจน ตนจึงไม่สามารถที่จะเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews