จากที่มี 3 วันไฮไลท์ คือ 7 ส.ค.ตัดสินยุบพรรคก้าวไกล 14 ส.ค.ตัดสินถอดถอน “นายกฯเศรษฐา” และ 22 ส.ค.ที่นอกจากจะเป็นวันครบ 1 ปี ของ “เศรษฐา” ยังเป็น “วันพ้นโทษ” เป็น “ผู้บริสุทธิ์”ของ “ทักษิณ” ที่ถูกจับตาจะมี “เอฟเฟ็กต์”ต่อเมืองภาพใหญ่ กลายมีงอกมาอีกวัน คือ 19 ส.ค.ที่ “ศาลอาญา”นัดตรวจพยานคดี112 ของ “ทักษิณ” ที่ไปยื่นคำร้องไว้ตั้งแต่วันเสาร์ 27 ก.ค.หลังวันเกิดตัวเอง โดยขอออกราชอาณาจักรไปที่ดูไบ 1-16 ส.ค. ที่ศาลยกคำร้องไม่อนุญาต โดยศาลเห็นว่าที่ “ทักษิณ”อ้างนัดหมอ ด้วยอาการป่วยทั้งปอดอักเสบเรื้อรัง ระบบหายใจและหลอดเลือดหัวใจเอ็นไหล่ขวาฉีกขาดและหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน เป็นอาการป่วย ที่ “หมอไทย” ก็รักษาได้ อีกทั้งยังใกล้วันพิจารณาตรวจพยานวันที่ 19 ส.ค.อีกด้วย จึงมีคำสั่งยกคำร้องไม่อนุญาตให้เดินทางออกราชอาณาจักร
เรียกว่าแม้จะมีเรื่องเปิดลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอเล็ตเมื่อวาน(1ส.ค.) วันแรก ที่ผู้คนมีทั้งลุ้นระบบล่ม และลุ้นการลงทะเบียน แต่ก็มิอาจกลบข่าว“ทักษิณ” ได้
โดยหลายฝ่ายการเมืองนอกจากมองว่าเป็นการโยนหินถามทางการ “หนีไปตั้งหลัก” เพราะเกิดความไม่มั่นใจทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น พากันวิเคราะห์เชื่อมโยง “สัญญาน” ไปถึงแนวโน้ม “ผลคำตัดสินคดี”ของ “นายกเศรษฐา” วันที่ 14 ส.ค. ที่อาจเกิด “อุบัติเหตุการเมือง”ทำให้มีผลกระทบกับทั้ง “นายกฯเศรษฐา” และ “รัฐบาลเพื่อไทย”รวมไปถึงส่งผลต่อ “โครงการเรือธง”ที่เพิ่งให้ประชาชนสมัครลงทะเบียนผ่าน “แอปทางรัฐ”ไปเมื่อวาน
อย่างที่ “นายกเศรษฐา”ออกมาเหมือนตอบแทน “ ทักษิณ”ในที ว่าไม่แน่ใจ ไม่น่าเกี่ยวกับ “คดีทางการเมือง”ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนนี้ เพราะมีคดีของพรรคก้าวไกลและคดีของตนเอง ซึ่ง“นายทักษิณ” ก็ยืนยันเข้าสู่กระบวนการคดีม.112 อยู่แล้ว และ “อุ๊งอิ๊งค์” ก็ยืนยัน ไม่ได้มีความตั้งใจว่าจะต้องไป “ตั้งหลัก” หรือไปทำอะไรที่ต่างประเทศเป็นเรื่องสุขภาพหรือเยี่ยมเพื่อนฝูง ตนก็ไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ได้พบกัน จึงยังไม่ได้พูดคุยในเรื่องนี้
ส่วนเหตุการณ์เดือนนี้ น่าเป็นห่วง มีการประเมินอะไรหรือไม่ ตนส่งคำแถลงปิดคดีไปแล้วอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องที่น่าห่วงคือปัญหาบ้านเมือง เศรษฐกิจ ส่วนกระแสปรับ ครม. ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ ยังทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อคืนก็คุยกับ“นายอนุทิน”ที่งานศพมารดาตน ถึงปัญหาบ้านเมือง ซึ่งจะลงพื้นที่ชายแดนใต้ในวันพรุ่งนี้ โดยได้พูดกันในหลายภาคส่วน ถึงปัญหาน้ำท่วมและปัญหาต่าง ๆ
อย่างไรก็ตามหากวันที่ 14 ส.ค. นายกฯไม่มีปัญหา จะมีการปรับ ครม.หรือไม่ ยังไม่ได้คิดส่วนตนจบแล้ว เพราะศาลไม่เรียกข้อมูลเพิ่ม และทำคำแถลงปิดคดีแล้ว
วันนี้ดูปัญหาบ้านเมืองอย่างเดียว ไม่อยากคิดไปไกล ซึ่งการปรับเปลี่ยนครม.ตนเชื่อว่าตลอดระยะเวลา ก็มีการปรับเปลี่ยนเป็นธรรมดา ไม่ได้โยงเกี่ยวข้องกับวันที่ 14 ส.ค.หรือ คดีก้าวไกล บางเรื่องถ้าโยงก็ซับซ้อน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและอาจจะมีการเบี่ยงเบนความสนใจในบางเรื่อง มองว่ามาทำงานกันดีกว่า
ส่วนความหวาดระแวง เพราะมีกระแส “นายกสำรอง”นั้น เรื่องนี้ในการเมืองเกิดขึ้นตลอดเวลาอย่างที่ท่านบอก 314 เสียงแน่นอยู่แล้ว ถ้าเกิดมัวแต่พะว้าพะวงเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้น ตนเองไม่อยากให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับการดูแลปัญหาบ้านเมืองไขวเขว ส่วนจะมีการดึงเสียงจากประชาธิปัตย์มาทำให้คะแนนเสียงแน่นขึ้นหรือไม่ ตนยังไม่ได้คิด ทั้งเรื่องการปรับ ครม. ดึงคนมาเสียบ และไม่เกี่ยวในตอนนี้ปัญหาเยอะเหลือเกินต้องช่วยเหลือกันไป หน้าที่รัฐบาลก็ต้องแก้ไขปัญหาต่อไป
ขณะที่ “ตู่-จตุพร”มอง “ทักษิณ” คิดไปตั้งหลักที่ดูไบเกี่ยวข้องกับคดีวันที่ 7ส.ค.ของก้าวไกล และคดีวันที่ 14 ส.ค.ของ “เศรษฐา”ที่เชื่อว่าก้าวไกลต้องถูกยุบ และมีส.ส.บางส่วนทยอยไปพรรคอื่น ส่วนทักษิณที่ไปยื่นขอออกนอกประเทศในวันเสาร์นั้น ต้องการสร้างฤทธิ์เดชหรือไม่ เพราะเคยสร้าง “อุปทานหมู่ทางการเมือง”มาแล้วเมื่อช่วงเข้าประเทศ ว่าได้รับ “ไฟเขียว”ทุกอย่างที่ไปยื่นขอศาลวันเสาร์เพื่อทดสอบความมั่นใจอิทธิฤทธิ์ ที่เชื่อว่ามีอำนาจเหนือคนอื่นนั้น
ซึ่งได้แสดงให้ “เศรษฐา” รับรู้มาแล้วในวันเกิด ที่นายกฯ พูดกับนักข่าวว่า โทรไปอวยพร “ทักษิณ”ยังไม่รับสาย
ย่อมแสดงถึงร่องรอยว่ามีปัญหา ดังนั้นโอกาสรอดคดีของ “เศรษฐา” จึงยาก แม้จะมีอำนาจในการยุบสภาได้ แต่จะถูก “นายวิษณุ” เป็นก้างขวางคออยู่ คงทำไม่ได้ง่าย และว่าถ้า “เศรษฐา” ถูกถอดถอนพ้นนายกฯ โครงการดิจิทัลต้องไปพร้อมกับ “เศรษฐา” หรือไม่
ดังนั้น ประชาชนควรพิจารณาตื่นรู้ถึงโครงการนี้ เช่นเดียวกับ “เทพไท”ที่มองว่าหาก“เศรษฐา”เกิดอุบัติเหตุการเมือง”นายอนุทิน”จะเป็น “นายกตัวจริง” ไม่ใช่ “ตัวสำรอง”แบบ “อุ๊งอิ๊งค์”หรือ “ชัยเกษม”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews