Home
|
ข่าว

นายกฯ ย้ำทุกหน่วยดำเนินการตามกม.อย่างเคร่งครัด

Featured Image
นายกฯ ย้ำทุกหน่วยงานดำเนินการตามกฎหายอย่างเคร่งครัด ดูแลสิทธิประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มความสามารถ พร้อมสั่งชี้แจงข้อเท็จจริงไม่ยอมให้ทุนต่างประเทศทำให้คนไทยเสียผลประโยชน์

 

 

 

 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อกรณีที่เป็นกระแสความสงสัยในสังคมว่าทุนจากต่างประเทศเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยทำให้คนไทยเสียผลประโยชน์นั้น ขอให้ทุกฝ่ายในสังคมพิจารณาอย่างถ้วนถี่โดยใช้หลักการและเหตุผล โดยชี้แจงตามข้อมูลจากหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องต่อกรณีการเข้ามาของกลุ่มทุนต่างประเทศในธุรกิจร้านอาหาร

 

 

 

และมีการกล่าวอ้างว่า ธุรกิจร้านอาหารปิดกิจการถึง50% นั้น ไม่เป็นความจริง แม้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลาย แต่ยังมีการจัดตั้งธุรกิจร้านอาหารไทยใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 31 ก.ค.67 ไทยมีนิติบุคคลดำเนินธุรกิจร้านอาหารอยู่ 23,414 ราย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก 97.46% (22,819 ราย) ในช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.67) มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจร้านอาหารใหม่ 2,472 ราย ส่วนใหญ่
อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวและหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, ภูเก็ต, เชียงใหม่และสุราษฎร์ธานี

 

 

 

ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ดูแลช่วยเหลือภาคธุรกิจร้านอาหาร ด้วยการเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบการร้านอาหารของไทยสามารถปรับตัว แสวงหาโอกาส และรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยให้ร้านอาหารเข้าถึงและเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ นอกจากนี้ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจมากขึ้น โดยนำกิจการมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

 

 

 

ส่วนประเด็นรถทัวร์ศูนย์เหรียญกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการดูแลกลุ่มทุนต่างประเทศที่เข้ามาดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จ คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งเดินหน้าทำงานกับหน่วยงานพันธมิตร ด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย จากการเข้ามาแข่งขันและจัดตั้งธุรกิจโดยผิดกฎหมายของต่างชาติ ซึ่งรวมถึง การตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะนอมินี

 

 

 

หรือให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ที่กำหนดให้คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจบริการตามบัญชีท้ายพ.ร.บ.ฯ และต้องการถือหุ้นเกินร้อยละ 50 ต้องเข้าสู่กระบวนการขออนุญาตโดยถูกต้อง มิฉะนั้นจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

 

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าขณะนี้มีบริษัทจากประเทศจีน ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและเดินรถ เริ่มเข้ามาเจรจาจะขอซื้อกิจการรถทัวร์ในประเทศไทย ว่า ไม่สามารถทำได้ โดยกรมการขนส่งทางบกได้ชี้แจงว่าใบอนุญาต ประกอบการขนส่งประจำทางและใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารไม่สามารถโอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งจากนิติบุคคลรายหนึ่งไปให้นิติบุคคลอีกรายหนึ่งได้

 

 

 

รวมทั้งได้ชี้แจงด้วยข้อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 กำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่ง ไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร กรณีที่เป็นนิติบุคคลว่าจะต้องจดทะเบียนตามกฎหมายไทยและมีสำนักงานใหญ่อยู่ในราชอาณาจักรไทย

 

 

 

รวมถึงกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีสัญชาติไทย และทุนของบริษัทไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ต้องเป็นของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ตรวจสอบและพิจารณาอนุญาตโดยถือปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ห่วงใยต่อความรู้สึก กำลังใจของประชาชนในการดำรงชีวิต เข้าใจดีว่าประชาชนมีความท้าทายที่หลากหลาย และไม่ต้องการให้กำลังใจของประชาชนถูกบั่นทอนด้วยข่าวบิดเบือน รวมทั้ง ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รักษาสิทธิประโยชน์ของคนไทยอย่างสูงสุด

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube