Home
|
ข่าว

“แสวง” ยัน “ถิ่นกาขาวฯ” มีสถานะพรรคการเมืองก่อนเปลี่ยนชื่อ

Featured Image

 

 

 

เลขาฯ กกต.แจง 3 ลักษณะความเป็นพรรคการเมือง ยัน”ถิ่นกาขาวชาววิไล” ยังคงมีสถานะเป็นพรรคการเมือง ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “ประชาชน” รอตรวจสอบการรับบริจาค

 

 

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวกรณีมีการยื่นให้กกต.ตรวจสอบการตั้งสาขาพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ที่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพรรคประชาชน ว่าในอดีตมีการจัดตั้งครบ 4 สาขา ในแต่ละภาค เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 1 ปีจริงหรือไม่ ว่า ตามกฎหมายแล้วความเป็นพรรคการเมือง มีอยู่ 3 ลักษณะ

 

1.ความเป็นพรรคการเมืองเกิดขึ้นทันทีในวันที่จดทะเบียนจัดตั้ง ซึ่ง ณ.เวลานั้น พรรคอาจยังไม่มีสาขาพรรค มีสมาชิกไม่ครบ แต่พรรคสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆได้ทันที รวมถึงสามารถรับบริจาคได้ โดยพรรคจะต้องหาสมาชิกพรรคให้ได้ไม่น้อยกว่า 5,000 คนและจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละ 1 สาขาภายในกำหนดเวลา 1 ปี

2.พรรคที่มีความสมบูรณ์ คือมีสมาชิก มีสาขาพรรคครบตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดภายในระยะเวลา 1 ปี

3.พรรคที่ดำเนินกิจการไปแล้วอยู่ๆ สาขาพรรคหาย จากหลายสาเหตุเช่นสมาชิกไม่ครบก็ขอยกเลิกสาขาพรรค แต่กฎหมายให้เวลาจัดตั้งสาขาพรรคในส่วนที่ขาดให้ครบ 4 ภาคภายใน 1 ปี กรณีของ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เมื่อวันที่ 4 เม.ย.67 มีหนังสือแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองขอยกเลิกสาขาพรรค 3 แห่ง เหลือเพียงสาขาภาคเหนือที่จ.เชียงใหม่ เมื่อกฎหมายให้เวลาจัดตั้งสาขาให้ครบภายใน 1 ปี ก็คือภายในวันที่ 3 เม.ย.68

 

ดังนั้นความเป็นพรรคการเมืองยังคงอยู่ เมื่อพรรคก้าวไกล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคและสมาชิกย้ายมาอยู่พรรคถิ่นกาขาวชาววิไลแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน ไม่ว่าพรรคจะมีสาขาพรรคครบหรือไม่ ก็ยังคงดำเนินกิจการต่อไปได้โดยผู้บริหารพรรคชุดใหม่ที่เข้ามาก็ต้องมาจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบตามเงื่อนไขภายใน 1 ปี ที่กฎหมายเปิดโอกาสให้ ซึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาพรรคก็มีการแจ้งการจัดตั้งสาขาพรรคเพิ่มเติมมายังนายทะเบียนฯแล้ว

 

“นายทะเบียนพรรคการเมืองมีหน้าที่ควบคุมการดำเนินกิจการของพรรคให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งนายทะเบียนจะรู้อยู่ตลอดเวลา ว่าพรรคไหนมีการเพิ่มลดสมาชิกมีการจัดระดมทุน สาขาพรรคขาด ซึ่งก็จะมีการแจ้งเตือนก่อนครบกำหนดเวลา จึงไม่ต้องมาตรวจสอบย้อนหลังอะไร” นายแสวงกล่าว

 

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาชนยังไม่มีบัญชีธนาคารของพรรค ผู้รับเงินไม่ใช่พรรค และรับบริจาคโดยวิธีออนไลน์ ผิดกฎหมายหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่าต้องดูข้อเท็จจริงก่อน กฎหมายกำหนดว่าเมื่อพรรคการเมืองรับบริจาคต้องรายงานนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน 15 วัน ในส่วนบัญชีธนาคารของพรรคการเมืองธนาคารจะไม่ออกเล่มบัญชีให้จนกว่าพรรคการเมืองนั้นจะได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่ผ่านมาพรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นใหม่จะประสบปัญหานี้ไม่สามารถนำเงินที่เป็นทุนประเดิมจัดตั้งพรรคเข้าบัญชีได้ แต่ในส่วนของพรรคประชาชน เปลี่ยนชื่อมาจากพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล จึงมีบัญชีธนาคารของพรรคเดิมอยู่แล้ว ซึ่งต้องดูข้อเท็จจริงว่าเขารับบริจาคผ่านเข้าบัญชีนี้หรือไม่ หรือเงินบริจาคเข้าบัญชีชื่ออื่นเพราะอะไร

 

นายแสวง ยังอธิบายด้วยว่า วิธีการรับบริจาคกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ ต้องดูว่าข้อบังคับพรรคเขียนอย่างไร ถ้าเขียนว่า รับบริจาคออนไลน์ได้ ก็ทำได้ แต่ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย

 

“เมื่อได้รับบริจาคไม่น้อยกว่า 5,000 บาทจะต้องมีการออกใบเสร็จให้กับผู้บริจาคภายใน 7 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และแต่ละเดือนต้องติดประกาศรายชื่อผู้บริจาคให้ประชาชนทราบรวมถึงแจ้งนายทะเบียนทราบด้วย ที่สำคัญการรับบริจาคไม่ว่าจะรับเงินสดหรือออนไลน์ เงินจำนวนมากหรือน้อย พรรคต้องตรวจสอบคุณสมบัติผู้บริจาคด้วยว่าเป็นบุคคลที่กฎหมายห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคหรือไม่ เพราะตรงนี้มีโทษถึงขั้นยุบพรรค” นายแสวงกล่าว

 

เมื่อถามว่ามีการคัดค้านไม่ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตอบรับการเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน นายแสวง กล่าวว่า กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ชื่อ ชื่อย่อ ภาพเครื่องหมายของพรรคการเมือง ไว้ชัดเจนอยู่แล้ว นายทะเบียนก็ต้องพิจารณาอยู่บนหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด จะใช้ความรู้สึกมาพิจารณาไม่ได้ ซึ่งขณะนี้ทางพรรคก็ยังไม่ได้ส่งเรื่องดังกล่าวมา

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube