เป็นที่ชัดเจนแล้ว “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร” ชินวัตร ทายาทสายตรงคนที่ 3 ลูกรักหัวแก้วหัวแหวนของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตผู้นำประเทศ ผู้มากบารมี คือ นายกรัฐมนตรีคนใหม่คนที่ 31 ของประเทศไทย และเป็นคนที่ 3 ที่นามสกุลชินวัตร ต่อจากพ่อ และอา “ยิ่งลักษณ์”
แต่เป็นคนที่ 4 ที่มาจากเครือญาติตะกูลชินวัตร เพราะยังมี “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อาเขยเคยขึ้นดำรงตำแหน่ง สร.1 ด้วย แถมยังเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศ อีกทั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำลายสถิติของ มรว.เสนีย์ ปราโมทย์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำไว้เมื่อปี 2488 ด้วยอายุ 40 ปี 3 เดือน ลงได้สำเร็จ
โดย “อุ๊งอิ๊ง” จะครบ 38 ปีเต็ม ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ นับเป็นนายกรัฐมนตรีของคนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับความคาดหวังที่สูงมากจากประชาชน ว่าจะทำผลงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องความยากจนของประเทศได้เหมือนเมื่อครั้งคุณพ่ออีกครั้ง แม้จะถูกล้อด้วยขุดคลิปในโซเชียลมีเดีย เมื่อครั้งหาเสียง ที่เธอประกาศว่า “ปิดสวิตซ์ สว. ปิดสวิตช์ 3 ป. คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไปด้วยกัน”ก็ตาม
จะเห็นได้ว่า เมื่อ “แพรทองธาร” ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็มีสถิติ และประวัติศาสตร์หน้าใหม่เกิดขึ้นอย่างมากมาย และตลอดเส้นทางสายการเมืองที่ “อุ๊งอิ๊ง” เดินผ่านมา “ภูมิธรรม เวชยชัย” อดีตรักษาการนายกฯ การันตีว่า การเมืองอยู่ในสายเลือดของนายกฯหญิงคนใหม่ “แพทองธาร” ไม่ได้เพิ่งจะเข้ามาอยู่การเมือง แต่ความเป็นจริงได้ดูดซับสถานการณ์ทางการเมืองและประเด็นทางการเมือง รวมทั้งสภาวะทางการเมืองต่างๆมายาวนานตั้งแต่ 8 ขวบ เมื่อครั้งคุณพ่อหาเสียง และเป็นนายกรัฐมนตรี โดย “แพทองธาร” ลงถนนอย่างจริงจังในการเลือกตั้ง 2566 ที่ผ่านมา
หลังจากอยู่เบื้องหลัง คอยช่วยงานพรรคมาร่วม 10 ปี โดยนำทัพในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตระเวนอุ้มท้องหาเสียงช่วยลูกพรรคอย่างเต็มที่ เข้าวินอันดับ 2 ในการเลือกตั้งได้ สส.141 คนเข้าสภา และภายหลังมีการหักมุมพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล โดยเพื่อไทย ไปจับมือกับบรรดาพรรคลุง และขั้วรัฐบาลเดิม จน “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ต้องลาออกจาหัวหน้าพรรคเพื่อรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง
ในช่วงหาเสียง “อุ๊งอิ๊ง” จึงได้รับการผลักดันจาก ส.ส.ของพรรค ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรค และนำพา ส.ส.สนับสนุนการทำงานของนายกฯเศรษฐา ทวีสิน มาเป็นอย่างดี ทั้งนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่,ซอฟพาวเวอร์ และดิจิทัลวอลเล็ต กระทั่ง “เศรษฐา” พ้นจากเก้าอี้ด้วยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ “แพทองธาร” ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคร่วม และได้รับการโหวตจากสภา ถึง 319 เสียง ก้าวขึ้นมาเป็นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้การเมืองไทยอย่างมากมายตามที่กล่าวมา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews