สภาถกญัตติด่วน! ตุลาการ ศาล รธน. บรรยาย “ยุบพรรคก้าวไกล” ฝ่ายค้าน-รัฐบาลประสานเสียง “เท้ง ณัฐพงษ์” อ่านจรรยาบรรณศาลกลางสภา ถามขัดจริยธรรมหรือไม่ ด้าน “อดิศร” มาเป็นกลอนกฎหมาย ซัดเป็นการทำลาย “ตราชู” ลั่นผมไม่ตลกกับท่าน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นขอเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาพิจารณาเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้ดำรงตำแหน่งขององค์กรตุลาการในเวทีสาธารณะ และการปฎิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระ เพื่อให้ส่งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาดำเนินการต่อไป
โดยนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวย้ำก่อนเสนอหลักการว่า เนื่องจากวันนี้เป็นการประชุมที่อาจจะมีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก เพราะฉะนั้นเราจะไม่คุ้มครองตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดสดการประชุม ดังนั้นจึงอยากให้พึงระวัง รวมถึงหากจะกล่าวถึงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ก็ให้พึงระวังเรื่องการละเมิดอำนาจศาล
จากนั้น นายณัฐพงษ์ อภิปรายหลักการในการเสนอญัตติว่า สืบเนื่องจากข่าวที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม กรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่ง ขึ้นไปบรรยายเวทีสาธารณะที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการแสดงความคิดเห็นถึงพรรคประชาชนโดยตรงว่าพวกเราต้องขอบคุณท่านที่ยุบพรรคก้าวไกล จนนำมาสู่การที่พรรคประชาชนได้รับเงินบริจาคสูงถึง 20 ล้านบาท
ตนคิดว่าการแสดงความคิดความเห็นแบบนี้ต่อที่สาธารณะของบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องมีการคิดไตร่ตรองอย่างดี เพื่อเป็นการทัศนคติส่วนตัวหรือเป็นการแสดงทัศนะคติที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ของท่าน ในฐานะองค์กรอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ถ้าแสดงความคิดความเห็นส่วนตัวทั่วไป จึงคิดว่าไม่ขัดข้อง
แต่เนื่องจากเป็นการแสดงความคิดความเห็น ในฐานะที่ท่านเป็นองค์คณะตุลาการที่พิพากษาประหารชีวิตนักการเมือง โทษสูงสุดถึงการยุบพรรค แล้วออกมาแสดงความคิดเห็นตอบประเด็นดังกล่าวแบบนี้ เชิงประชดประชันหรือถากถาง ตนคิดว่าแบบนี้เป็นความชอบธรรมของสภาผู้แทนราษฎรของประชาชนที่รับฟังอยู่ เราเป็นผู้แทนของประชาชนที่ทรงอำนาจสูงสุดควรจะต้องตั้งคำถามได้ต่อองค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญ
นายณัฐพงษ์ ได้อ่านมาตรฐานทางจริยธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ หมวดที่ 2 ว่าด้วยจริยธรรมอันเป็นค่านิยม ว่า ข้อที่ 13 บัญญัติไว้ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องปฎิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรมเป็นอิสระ เป็นกลาง และปราศจากอคติ และข้อ 17 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องไม่ทำการใดๆให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์และการดำรงตำแหน่ง
“จากการแสดงทัศนคติบนเวทีสาธารณะแบบนี้ ท่านคิดว่าเป็นการแสดงทัศนคติที่เป็นกลางหรือไม่ครับ เป็นการแสดงทัศนคติที่สาธารณะชนตั้งคำถามได้หรือไม่ครับ ว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ยุบพรรคก้าวไกลไปนั้นท่านใช้อคติส่วนตัวในการวินิจฉัยหรือไม่ ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้เราตั้งคำถามได้ ในสภาฯ แห่งนี้เป็นสิ่งที่เป็นเวทีที่เราพูดแสดงความคิดเห็นแบบนี้ร่วมกันได้”
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่าตามจรรยาบรรณวิชาชีพคนที่เป็นตุลาการ ผู้พิพากษาไม่พึ่งแสดงปาฐกถาบรรยายสอนหรือเข้าร่วมการสัมมนาอภิปรายแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสาธารณะชนซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ และเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา ตนคิดว่าคงไม่มีผู้พิพากษาคนไหนยอมรับได้ในกรณีนี้
“นี่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงออกชัดเจน กลัวทำให้เกิดความเสื่อมเสียของจรรยาบรรณวิชาชีพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ …อยากจะเรียกร้องเพื่อนสมาชิกเห็นชอบกับญัตตินี้เพื่อส่งข้อสังเกตไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพราะพวกเรายืนยันว่าในเรื่องของมาตรฐานจรรยาบรรณ ซึ่งเป็นเรื่องนามธรรม ควรจะต้องให้คนภายในองค์กรนั้นตรวจสอบกันเอง ดังนั้นเรื่องนี้สบายใจได้ ไม่ใช่เรื่องฝ่ายนิติบัญญัติจะไปใช้อำนาจล่วงเกินฝ่ายอื่น”
“พวกเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ผู้ทรงสิทธิ์ ได้รับอำนาจจากประชาชน สิ่งที่เราทำได้ร่วมกันแน่นอนคือการเสนอร่างแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องเรามีอำนาจเต็มที่ดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อทำให้สภาผู้แทนราษฎรของเราส่งความศักดิ์และสิทธิ์ในการเป็นผู้แทนของปวงชน”
ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องเดียวกัน เสนอหลักการว่า ตนได้ดูข่าวตุลาการท่านหนึ่ง ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจไม่ทราบว่าท่านพูดแบบตั้งใจมาพูดหรือตกกระไดพลอยโจร ในการแสดงความคิดเห็นในลักษณะตนเองเป็นใหญ่อวดเบ่งและเหยียดหยามเสียดสีบุคคลซึ่งเคยเป็นคู่กรณีในศาลรัฐธรรมนูญ
“ผมให้ความเคารพนะครับคำว่าศาล เพราะผมเรียนนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เราสอนว่านิติศาสตร์ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ให้ความยุติธรรมโดยไม่มีอคติ ไม่มีมายาคติจนพระบิดาแห่งกฎหมายไทยได้เขียนกลอนสั้นๆ ไว้ว่า เอ็งกินเหล้าเมายาไม่ว่าหรอก / แต่อย่าออกนอกทางไปให้เสียผล / จงอย่ากินสินบาทคาดสินบน / เรามันชนชั้นปัญญาตุลาการกรณีที่เกิดภาคใต้ไม่ใช่สินบนนะครับ แต่เป็นการกระทำโดยอาศัยตนเองได้ตัดสินคดีมา ยังติดค้างในใจหรือเปล่า”
นายอดิศร ย้ำว่า เราพูดถึง Balance of Power นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ เขาถ่วงดุลกัน เรากำลังทำหน้าที่ถ่วงดุลกับฝ่ายตุลาการ เรามีคดีความ ท่านตัดสินยุบพรรค ประหารชีวิต นายกรัฐมนตรี 5:4 คนหนึ่งเอียงไปทางไหน คนนั้นชนะ วันนี้จะต้องหาทางร่วมกันในการแก้รัฐธรรมนูญ และวิธีพิจารณาความตามอำนาจหน้าที่ของท่านต่อไป
“เราให้ท่านไปเป็นพระ โดยการกลั่นกรองของวุฒิสภา ผมไม่ได้ว่านะครับ กลั่นกรองมาแล้ว ให้ท่านเป็นพระอยู่บนหิ้ง เพราะต้องอยู่ในธรรมวินัย ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงพระ เยี่ยงสมณะเมื่อท่านทำผิดพระวินัย ท่านปราชิก ไปบิณฑบาตไม่มีใครใส่บาตแล้ว ตนว่าคนเดียวนะครับ ไม่ได้ว่าทั้งองค์กร มีคนบอกว่าคุณอย่านะ ท่านครับ ไม่ต้องกลัว เรานิติบัญญัติ ตุลาการต้องดีใจพวกเราถ่วงดุลท่าน เราไม่มีอคตินะครับ เราเห็นท่านไปพูดแล้วไม่เหมาะสม ไม่ทราบว่าก่อนตัดสินคดีใดๆ ของท่านท่านมีอคติหรือไม่ เป็นกลางหรือเปล่า”
ทั้งนี้ ตนอยากให้ตุลาการนิติบัญญัติและบริหารทำหน้าที่ของตัวเอง อย่ายกตนข่มท่าน ยืนยันว่าไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับตุลาการทั้งหมดมีเรื่องแค่เฉพาะบุคคล นิ้วในร้ายก็ตัดทิ้ง ตัดอวัยวะรักษาชีวิต วันนี้สภาทรงเกียรติไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติด้วยกัน เป็นผู้เสียหายร่วมกัน จะต้องปกปักรักษา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews